เปิดใจ ‘ปุ้ย TPN’ ปมดราม่า ‘เป๊ปปี้’ 1 ในตัวเต็ง ถอนตัว MUT ไปเรียนต่อดอกเตอร์
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ไอคอนสยาม ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้อำนวยการกองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ให้สัมภาษณ์กรณี MUT 22 เป๊ปปี้ เพอร์เพรชชิวา เสริมทรัพย์ สมิทธ์ สละสิทธิ์
ปุ้ย ปิยาภรณ์ กล่าวว่า น้องมาแจ้งให้ทราบคืนวันที่ 25 ก.ค. มาแจ้งพี่เลี้ยงของกอง พี่เลี้ยงจึงมาแจ้งให้เราทราบอีกที พอฟังก็คิดว่ามันไม่ใช่แล้ว เบื่อเรื่องดราม่ามาก แต่เรามองว่าไม่พูดไม่ได้ เพราะน้องบอกพี่เลี้ยงว่า เขาคิดดูแล้วอยากไปเรียนต่อ แต่ขอให้ไม่บอกสื่อ บอกแฟนคลับได้ไหม พี่ปุ้ยเข้าใจว่าเขาคิดแบบเด็กๆนะคะ ถ้าไม่บอกแฟนๆ เขาจะเสียใจ เราคิดว่าต้องคุยสรุปมา วันเซ็นต์สัญญาต้งตกลงวันปฐมนิเทศน์ มีเพียงเป๊ปปี้คนเดียวที่ไม่ขอเซ็นต์ หากเข้ารอบจะสละสิทธ์
ก็คิดว่าพูดกันคนละอย่าง จึงมีการนัดน้องมาคุย เป๊ปปี้แจ้งเหตุผลว่าไม่คิดว่ากระแสการประกวดจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขาเคยประกวดนางงามที่อเมริกา ก็ 3 วันจบ จึงคิดว่าจะไปเรียนต่อดีกว่า ตนท้วงว่าให้คิดดีๆ เพราะมาถึงวันนี้แล้ว ตอนแรกน้องถามว่าเราสามารถที่จะไม่พูดเรื่องนี้ได้หรือไม่ ไม่อยากให้พี่เลี้ยง และแฟนๆของตัวเองเสียใจ เราจึงถามว่าเขามีศักยภาพแค่ไหน
เขาบอกว่าเขาเข้าท็อป5 แน่นอน แต่ยินดีที่จะสละตำแหน่งไม่เอาอะไรเลย เราจึงบอกเขาว่าไม่ใช่แล้ว เรื่องที่ 1 เขาเพิ่งมารู้ว่าเขามีแพชชั่นจะกลับไปสมัครเรียน และน้องเขียนเป็นลายละอักษรให้เราด้วย เรากลัวว่าหลังจากนี้จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น น้องเขียนคำแถลงมาให้เรา 2 หน้ากระดาษ ว่าน้องยินดี จะกลับไปเรียนหนังสือ เพราะอยากเรียนมากกว่า
เราบอกน้องไปว่า เราจะเก็บเงียบไม่ได้ เราต้องซื่อสัตย์ต่อคนดู เพื่อหยุดการโหวตจากทางบ้าน การจะปล่อยให้คุณเข้ารอบมันไม่ยุติธรรมต่อทุกคน คนที่จะเข้าท็อป 5 ต้องเข้าเพราะความสามารถของเขา จะเข้าเพราะมีคนสละสิทธิไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราบอกน้องว่าไม่เป็นไร เราต้องคุยกับพี่เลี้ยง แฟนๆ เราขอโทษเขาเสีย เพราะพี่เลี้ยงเขามาด้วยความหวัง ทำทุกอย่าง ขนเสื้อผ้ามาให้
จึงเรียกคุณโอพี่เลี้ยงของน้องมาคุย เราเรียกเขามาสัมภาษณ์ว่ารู้จักน้องได้อย่างไร เขาบอกรู้จักน้องมาสองปี น้องมีแพชชั่นมาประกวด เขาทิ้งงานทุกอย่างเพื่อมาปั้นเด็กคนนี้ ไม่รับงานอะไรเลย คือความสุขของเขา
ปุ้ย ปิยาภรณ์ กล่าวว่า จากนั้นเราก็ขอคุยกับเป๊ปปี้มาคุย ให้เขาบอกความจริงกับแม่ปุ้ยและกับพี่เลี้ยง และสอนเขาไปว่าถึงเราจะผิดพลาดเรื่องการคิดช้าแจ้งช้า ก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องขอโทษเขา เขาบอกว่ายินดี จากนั้นเราก็เรียกพี่เลี้ยงเข้ามา พอได้ทราบความจริงพี่เลี้ยงเขามือสั่น พูดว่าเขาควรทำอย่างไร อยู่อย่างไร ควรโทรบอกใคร เพราะการทำนางงามคนหนึ่ง มันมีองค์ประกอบมากมาย เยอะไปหมด จะแจ้งคนเหล่านั้นอย่างไร เราบอกเขาให้ตั้งสติ ความจริงคือความจริง และให้เป๊ปปี้ออกมาไลฟ์ขอโทษทุกคนเมื่อคืน น้องไม่ได้เรียนหมอ น้องเรียนด็อกเตอร์ด้านการตลาด ไม่เป็นไรถ้าน้องไม่มีแพชชั่นจะอยู่ตรงนี้
“คนพูดเยอะว่า ทีพีเอ็นใจดี ไม่เด็ดขาด มันไม่ใช่ เราอยู่ตรงนี้พูดตลอดว่าเราต้องการเอ็มพาวเวอร์วูเมน สิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ จีรังยั่งยืนที่สุดคือการศึกษา ในเมื่อผู้หญิงคนหนึ่ง กล้าเดินมาบอกเรา กล้าที่จะเดินเข้ามาสารภาพกับเราว่าเพิ่งรู้ใจตัวเองว่าอยากกลับไปเรียน เขาถามว่าเราจะฟ้องเขาไหม
“เราเห็นว่าการที่เขาจะไปเรียนแล้วเราไปฟ้องเขา มันคนละประเด็น นี่คือสิ่งหนึ่งที่เราภูมิใจว่านี่คือเอ็มพาวเวอร์ ถ้าเขาอยากไปเรียน ไปเลย เพียงแต่ เราต้องแยกวาระกัน เรียนก็ส่วนเรียน ความรับผิดชอบต่อพี่เลี้ยงก็ส่วนหนึ่ง สอนเขาไปว่าให้เข้าตัดสินใจเร็วๆ จะมาตัดสินก่อนวันพรีลิมมินารีไม่ได้ ไม่แฟร์ต่อผู้เข้าประกวดคนอื่น เขาก็ขอโทษอย่างที่เราเห็น”
ปุ้ย ปิยาภรณ์ กล่าวว่า ปีหน้าเราจะถอดบทเรียนอย่างไร เราก็ไม่เคยถามนางงามเรื่องนี้ ในหัวไม่มี เราถือว่าเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น เราตั้งสติแก้ปัญหา สิ่งที่เราทำคือพูดความจริง ให้น้องออกมาขอโทษแฟนๆ เราอ่านข้อความเยอะ จริงอยู่คนสงสารน้องเพราะน้องร้องไห้ น้องไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดี นี่คือสิ่งที่เขาแฮปปี้ เขาตัดสินใจเลือกเอง คนที่น่าสงสารที่สุดคือพี่เลี้ยงและทีมของเขา
พี่เลี้ยงไปกู้เงินมาเพื่อดูแลน้อง และคนอีกหลายสิบคน แฟนคลับที่มานั่งเฝ้า ซื้อขนมมาให้ด้วยความรัก เพื่อมาเสริมพลังให้น้อง และเราให้ขึ้นโชว์รอบพรีลิมฯ บอกเขาให้ทำให้เต็มที่ เขาจะได้โชว์ชุด ที่พี่เลี้ยงทุกคนตั้งใจทำให้คุณ คุณต้องโชว์มันด้วยความภาคภูมิ แต่จะไม่ได้คะแนน
ส่วนรอบตัดสิน ช่วงเปิดตัวน้องจะไม่ได้ร่วมเดิน เพราะน้องไม่ได้ซ้อม เขาเจ็บขา อยากให้สังคมมองทุกอย่างเป็นมุมบวก เขาไม่ได้โกง เขาทำผิดพลาดเรื่องการสื่อสาร ช้าไป ซึ่งไม่เป็นธรรมกับคนอื่น แต่นิสัยในกองเขาน่ารัก การอนุญาตให้ไปเรียนและปรับผู้หญิงคนหนึ่งคงไม่ทำให้เราร่ำรวยขึ้นมา อยากให้สังคมอยู่กันได้ด้วยความเข้าใจ ให้อภัย สังคมไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่ที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในกองมีสงครามนางงามหรือไม่
ปุ้ย ปิยาภรณ์ กล่าวว่า ไม่มีนะคะ มีแต่นางงามพูดรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ทุกคนก็น่ารักดี
ทั้งนี้ “เป๊ปปี้ เพอร์เพรชชิวา เสริมทรัพย์ สมิทธ์” เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ขอถอนตัวจากการประกวด ด้วยสาเหตุอยากกลับไปเรียน PHD หรือ ปริญญาเอก ดอกเตอร์ โดยจะไ,สมัครที่ Harvard มหาวิทยาลัย Ivy League และพร้อมสละตำแหน่ง หากได้มงหรือติด Top 5 ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ มากมาย เลยคิดมาหลายวัน และเดินมาบอกว่ายินดียอมสละตำแหน่ง ไม่เอาตำแหน่งแล้วกลับไปเรียนต่อ
