‘สุดารัตน์’ เปิดงานสายใยไหมสองแผ่นดินไทย-ลาว เทิดพระเกียรติ “พระราชินี ในรัชกาลที่ 9”

เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น 2 สยามพารากอน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกรรมการมูลนิธิไทยพึ่งไทย กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “สายใยไหมสองแผ่นดิน” โดยมี นายหลี บุญค้ำ เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมภริยา เข้าร่วม ว่า งานนี้เป็นความร่วมมืออันงดงามระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว ซึ่งมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทั้งภาษาที่ใกล้เคียงกัน วัฒนธรรมคล้ายกัน และนับถือศาสนาเดียวกัน ถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่สามารถสื่อสารกันได้ โดยไม่ต้องผ่านล่าม ในความสัมพันธ์ดุจญาตินี้ก็สืบสานมาหลายชั่วอายุคนจนมีความใกล้ชิดกัน ทั้งนี้ การจัดงานในวันนี้ยังเป็นความร่วมมือของประเทศไทยและลาวที่พร้อมใจกันเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า สำหรับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้ประจักษ์ คือการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศลาวอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อ พ.ศ.2537 ซึ่งพระองค์ทรงวางโครงการความร่วมมือระหว่างไทยและลาว โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรม ขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นผู้ที่ริเริ่มการอนุรักษ์ผ้าไหม ซึ่งก่อนหน้านี้ผ้าไหมเกือบจะหมดความนิยม แต่ในระยะเวลาประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงรื้อฟื้นผ้าไหมไทยให้กลับมาได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทรงคิดค้นวิธีการให้ได้ไหมที่มีคุณภาพมากที่สุด ที่สำคัญทรงมีพระเมตตาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกรมหม่อนไหมขึ้น จากหน่วยงานเล็กๆ จนเป็นงานระดับกระทรวง ทำให้ประเทศไทยกลับมามีชื่อเสียงด้านผ้าไหมอีกครั้ง

“สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ไม่เพียงทรงส่งเสริมแค่ผ้าไหมในประเทศไทย แต่พระองค์ทรงรักประชาชนลาวและชื่นชมผ้าไหมลาวด้วย ซึ่งถ้าพูดถึงผ้าไหมไทยและลาวนับว่ามีความใกล้เคียงกันมาก ตั้งแต่กระบวนการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม วิธีการทอ ลวดลาย โดยเฉพาะผ้าไหมทางภาคอีสาน” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวและว่า งานจะจัดตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 17 กันยายน อยากเชิญชวนให้มาชมกัน เพราะผ้าไหมที่นำมาจัดแสดงล้วนเป็นผ้าไหมชั้นเลิศ เช่น ผ้าไหมยกทองของ อ.วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้เชี่ยวชาญการทอผ้าไหมจากสุรินทร์ ซึ่งใช้เวลาทอนานกว่า 9 เดือน มูลค่ากว่า 3 แสนบาท และผ้าไหมของลาว มูลค่าหลักแสนบาท ใช้เวลาทอ 1 ปี ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากฉลองพระองค์ของพระนางมัทรีในมหาเวสสันดรชาดก

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานมีการจัดแฟชั่นโชว์ “สายใยไหมสองแผ่นดิน” จากห้องเสื้อฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้ความสำคัญและทรงพระกรุณาส่งเสริมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ด้านหัตถกรรมการทอผ้าไหมลวดลายต่างๆ ให้เป็นอาชีพที่ยั่งยืน, การจัดนิทรรศการความเป็นมา ความสำคัญ และแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของสปป.ลาว, การโชว์ชุดประจำชาติที่ออกแบบชุดแต่งกายด้วยผ้าไหมความงดงามของผ้าไหมทั้งสองประเทศ, การโชว์ชุดผ้าไหม และผ้าไหม ที่มีความเก่าแก่ มีความงดงามอันเป็นที่สุดของทั้งสองประเทศ ตลอดจนการออกร้านจำหน่ายชุดผ้าไหม ผ้าไหม และสิ่งของที่ทำจากผ้าไหมของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ กิจกรรมไฮไลท์ในวันที่ 16 กันยายน จะมีการทอผ้าของทางฝั่งไทยและฝั่งลาวมารวมเป็นผืนเดียวกัน รวมถึงมีการแสดงรำวงบัดสลบ ประเพณีจากทางลาว และกิจกรรมการออกร้านจำหน่ายชุดผ้าไหมของทั้งสองประเทศ

Advertisement

ผ้าไหมยกทองของ อ.วีรธรรม ตระกูลเงินไทย

 

ผ้าจากสปป.ลาว
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image