ติวเข้ม!! 40 สาวมิสยูนิเวิร์สไทยฯ ความกดดันที่ต้องเจอ-ฟีดแบ๊กที่ได้รับหลัง ‘มงลง’ (ภาพชุด)

หลังจากประกาศผลสาวงามผู้ผ่านเข้ารอบ 40 คนสุดท้าย “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018” กันไปแล้ว กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ก็ประเดิมกิจกรรมแรกด้วยจัดปฐมนิเทศน์ต้อนรับสาวๆ ที่ร้านอาหาร บาสตรี 9 สาทรซอย 6 โดยมี ชิชญาสุ์ กรรณสูต ผู้จัดการกองประกวด และ ปราณม ถาวรเวช รองประธานอำนวยการกองประกวด ร่วมปฐมนิเทศน์ ก่อนจะเรียนมารยาทบนโต๊ะอาหารพื้นฐานแบบเซ็ต และแบ่งทีมทดลองทำอาหารฝรั่งเศส และอาหารไทยยามว่างหลายชนิด อาทิ หมูโสร่ง ขนมปังหน้าหมู ลาบหมูทอด ถุงทอง และ ทอดมันปลากราย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน นางงามหลายคนเพิ่งจะได้ทำอาหารเหล่านี้เป็นครั้งแรก และต่างให้ความสนใจเป็นอย่างดีเนื่องจากเป็นเมนูที่ชื่นชอบอยู่แล้ว

บรรยากาศการติวเข้ม

ชิชญาสุ์ เผยว่า การปฐมนิเทศน์ในวันนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการพูดถึงเรื่องอนาคตหลังจากได้รับตำแหน่งและเป็นตัวแทนประเทศ จากที่ผ่านมาจะปฐมนิเทศน์เพียงแค่ให้รู้ว่าจะทำกิจกรรมใดบ้างในการเก็บตัวในประเทศไทย ทุกปี เราพบว่านางงามแต่ละคนเมื่อได้รับตำแหน่งก็จะได้ฟีดแบคทั้งดีและลบ โดนวิจารณ์เยอะบ้าง ชมบ้าง เพราะการแข่งขันก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบผลตัดสิน ย่อมต้องใช้เวลาปรับตัว เราจึงอยากให้นางงามได้รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร ทั้งความกดดันในการเป็นตัวแทนประเทศและเสียงวิจารณ์ นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มาสอนมารยาทบนโต๊ะอาหาร เพราะผู้เข้าประกวดจะต้องไปเก็บตัวที่จ.กระบี่ ต้องเจอกับผู้คนที่หลากหลาย

ชิชญาสุ์ ได้กล่าวกับสาวงามที่ผ่านเข้ารอบในวันนี้ว่า ในการมาประกวดครั้งนี้ผู้เข้าประกวดทั้ง 40 คน มีโอกาสได้รับคัดเลือกเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เป็นตัวแทนประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งทุกคนต้องเริ่มใหม่พร้อมกัน ต้องพัฒนาตัวเองให้ไปถึงเป้าหมายของทุกคน 2 อาทิตย์จากนี้จึงเป็นเวลาที่ต้องทุ่มเทร่วมกัน การใช้โซเชียลมีเดียมาก ก็อาจทำให้มีความกดดันเพิ่มขึ้น นับจากวันที่ประกาศผลผู้ได้รับมงกุฎ ย่อมมีคนเข้ามาสนใจไม่น้อย อาจจะมีทั้งได้รับคำชม หรือคำติ เป็นธรรมดาของการประกวดทั้งหลาย และจะมีคนที่เข้ามามากขึ้น เข้ามาทำความรู้จักจากที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน การปรับตัวเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ไวที่สุด เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมพร้อมด่านต่อๆไป เพราะทุกปีนางงามก็จะรู้สึกช็อกกับผลและความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก ซึ่งในปีนี้การประกวดมิสยูนิเวิร์สจะอยู่ช่วงกลางเดือนธันวาคม สาวงามจะมีเวลาเตรียมตัวไม่กี่เดือนเพื่อเป็นตัวแทนประเทศ

Advertisement

สาวขอนแก่น หมายเลข 12 นางสาวพลิตา พุทธรัสสุ หรือ จุ๊บจิ๊บ อายุ 25 ปี สูง 170 เซนติเมตร จบการศึกษาปริญญาโท คณะการจัดการธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ จาก De Monfort University ประเทศอังกฤษ เผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้ผ่านเข้ารอบ 40 คนได้สำเร็จ เพราะประกาศชื่อเป็นคนรองสุดท้าย สำหรับตอนนี้ไม่ได้มีความเครียดมากนัก อยากจะสนุกกับทุกวันมากกว่า แน่นอนว่าหลายคนอาจจับตามองที่ตนเคยแสดงละครมาก่อน เป็นดรัมเมเยอร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ แต่นั่นก็คือบทบาทหนึ่ง การเป็นนางงามต้องเริ่มใหม่หมด ต้องฝึกเดิน ฝึกพูด ออกกำลังกาย ที่สำคัญคือการติดตามข่าวสารทุกวัน เพราะจุ๊บจิ๊บมองว่าการเป็นนางงามจักรวาล เขาหาคนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง สดใส ร่าเริงแบบเรา และหาคนที่ฉลาด ทันโลก ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก และเราก็จะใช้จุดนี้เป็นจุดแข็งทำให้ดีที่สุดเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทย ตอนนี้จุ๊บจิ๊บตั้งเป้าหมายไว้ที่นางงามจักรวาล และคิดว่าหากหมายถึงดวงจันทร์ แม้ผิดหวังเราก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาวได้อยู่ดี

หมายเลข 12 นางสาวพลิตา พุทธรัสสุ

ขณะที่ หมายเลข 10 นุ๊ก – นางสาวฐิตารีย์ เกษร อายุ 22 ปี สูง173 เซนติเมตร จบการศึกษาปริญญาตรีปีที่ 4 คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยศรีสครินทรวิโรฒ เผยว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาเรียนทำอาหารในวันนี้ เพราะได้ทำเมนูต่างๆที่เคยชอบทาน ทั้งยังได้เรียนมารยาทบนโต๊ะอาหารที่เป็นสิ่งสำคัญ มาประกวดในครั้งนี้ถือเป็นความฝันของนุ๊ก ที่สนใจมาตั้งแต่เล็กๆ เพราะคุณแม่ชอบดูการประกวด ก่อนหน้านี้ก็ใช้ชื่ออรอนงค์ เพราะเกิดในปีที่พี่อรอนงค์ได้นางสาวไทย ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาใช้ชื่อปัจจุบัน ปีนี้เรียนจบพอดีจึงรู้สึกพอเหมาะกับเวลา ตอนที่แนทประกวด หลายคนก็ทักว่าหน้าคล้ายกับแนท ก็ยิ่งเป็นแรงบันดาลใจมากขึ้น มาประกวดวันนี้ก็พยายามออกกำลังกาย ดูแลรูปร่าง ฝึกซ้อมทั้งการพูด ยิ้ม ทัศนคติ และอยากใช้เวทีนี้ในการผลักดันความเป็นไทยให้เป็นที่รู้จักในสากล โดยเฉพาะกับผ้าไทย ที่นุ๊กเรียนแฟชั่นดีไซน์มา ได้นำเอาลายเสื่อมาปรับเป็นลายผ้าไทยสมัยใหม่ นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อยากนำเสนอให้ทุกคนรู้จัก

หมายเลข 10 นางสาวฐิดารีย์ เกษร

ปิดท้ายด้วย โซ่ – นันธ์หฤทัย อัครกิจวัฒนากุล วัย 24 ปี หมายเลข 5 เจ้าของรางวัล อิดิเตอร์ ช้อยส์ อะวอร์ด เวทีการประกวดไทยซูเปอร์โมเดล คอนเทสต์ ปี 2013 เผยว่า ในปีที่แล้วได้รับสิทธิการเข้ามาแข่งขันรอบ 40 คน แต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน ทำให้ไม่สามารถมาประกวดได้ จึงคิดว่าปีนี้อย่างไรก็ต้องมาแก้มือ และเป็นเวทีที่พิสูจน์ว่าเราจะข้ามจากสายนางแบบมาเป็นนางงามได้หรือไม่ ซึ่งต้องปรับตัวเยอะ ทั้งการเดิน วิธีการพูด และพยายามควบคุมสติต่างๆให้ดีขึ้นด้วย โซ่เชื่อว่าความพยายามจะทำให้เราพัฒนาขึ้นไปได้เรื่อย สำหรับกิจกรรมที่ได้มาทำอาหารไทยในวันนี้ ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ได้ทำขนมปังหน้าหมู อาหารโปรด ซึ่งรู้มาว่าทำให้อร่อยนั้นยาก จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำเทคนิคต่างๆไปใช้

หมายเลข 5 นันธ์หฤทัย อัครกิจวัฒนากุล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image