แคสเปอร์สกี้ เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น โยกโครงสร้างหลักจากรัสเซียไปสวิส

ตกเป็นข่าวคราวใหญ่โตมาตั้งแต่ปีก่อน หลังจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศห้ามหน่วยงานของรัฐบาลใช้ผลิตภัณฑ์ของแคสเปอร์สกี้ แลป บริษัทด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์จากประเทศรัสเซีย โดยให้เหตุผลในเรื่องความปลอดภัย เพราะเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ของแคสเปอร์สกี้ล้วงเอาข้อมูลความลับของทางราชการไป

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการออกมาชี้แจงมากมายอย่างต่อเนื่องจากทางแคสเปอร์สกี้ หากแต่ดูเหมือนว่าทางการสหรัฐเองก็ยังไม่เชื่อในความโปร่งใสของบริษัทด้านความปลอดภัยจากรัสเซียแห่งนี้

และนำไปสู่การเปิดตัวศูนย์แห่งความโปร่งใสขึ้น ซึ่งจะเป็นศูนย์ที่เปิดให้คนนอกสามารถเข้าไปดูซอร์สโค้ดของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสของแคสเปอร์สกี้ได้ ในแบบที่บริษัทอื่นๆ ไม่กล้าทำ

และล่าสุด แคสเปอร์สกี้ก็ยังได้ประกาศโยกย้ายโครงสร้างพื้นฐานหลักทั้งหมดจากรัสเซียไปไว้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แทน

Advertisement

ทั้งนี้ เป็นไปตามความริเริ่มด้านความโปร่งใสโลก (จีทีเอ) แคสเปอร์สกี้จึงได้มีการปรับโครงสร้างพื้นฐานด้วยการย้ายกระบวนการสำคัญๆ จำนวนหนึ่ง จากประเทศรัสเซีย ไปยังสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งรวมทั้งที่จัดเก็บข้อมูลของลูกค้า และกระบวนการต่างๆ ทั้งหมดในภูมิภาค รวมไปถึงแผนกรวบรวมซอฟต์แวร์ รวมทั้งฝ่ายอัพเดตการตรวจหาภัยคุกคามต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีความโปร่งใสและมีบูรณภาพอย่างเต็มที่

นายสเตฟาน นิวไมเออร์ กรรมการผู้จัดการ แคสเปอร์สกี้ แลป เอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยว่า แคสเปอร์สกี้ทำธุรกิจอยู่ใน 200 ประเทศ และมีสำนักงานอยู่ใน 35 ประเทศ ทำงานร่วมกับรัฐบาลรัสเซีย และในอีกหลายๆ ประเทศ รวมทั้งหน่วยงานตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ในเรื่องของการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ และยังร่วมกับหน่วยงานด้านกฎหมายมากมายทั่วโลก อีกทั้งยังคอยให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ทั้งในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ กับทั้งมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์และมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม แคสเปอร์สกี้เองได้รับการแจ้งถึงความห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับแคสเปอร์สกี้ จึงต้องสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้น นำไปสู่การย้ายโครงสร้างพื้นฐานไปสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงการเปิดศูนย์แห่งความโปร่งใส สิ่งเหล่านี้ เป็นการแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า แคสเปอร์สกี้มีความจริงใจและต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ได้มีการขโมยข้อมูลหรือเอาอะไรจากลูกค้าไป

ซึ่งเหตุผลที่เลือกประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น นายสเตฟานบอกว่า เป็นเพราะต้องการที่จะเลือกประเทศที่มีความเป็นอิสระ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมพอจะสนับสนุนแคสเปอร์สกี้ได้ ที่สำคัญคือ จะต้องเป็นประเทศที่เป็นกลาง

นายโอเล็ก อับดูราชีตอฟ หัวหน้าฝ่ายกิจการสาธารณะ ของแคสเปอร์สกี้ แลป ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก บอกว่า จากปัญหาความขัดแย้งด้านการเมืองประเทศต่างๆ ทำให้มีความเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆมากขึ้น และเกรงกันว่าอาจจะมีการติดตั้งโปรแกรมเก็บข้อมูลหรือมีการลอบส่งข้อมูลออกไปนอกประเทศ ด้วยเหตุนี้ แคสเปอร์สกี้เองจึงได้มีโครงการริเริ่มความโปร่งใสโลกขึ้น ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้งาน โดยศูนย์แห่งความโปร่งใสนี้ จะเปิดให้ทุกคนสามารถเข้าไปดูซอร์สโค้ดของบริษัท แคสเปอร์สกี้ ได้ทั้งหมด โดยศูนย์ความโปร่งใสจะตั้งอยู่ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายในปีหน้า และจะเปิดตัวในภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย

ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อความโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค

และแม้ว่าแคสเปอร์สกี้จะเจอมรสุมหนักจากสหรัฐ หากแต่ผลประกอบการต่างๆ การประกอบธุรกิจในประเทศอื่นๆ ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะถูกสหรัฐและสหภาพยุโรปแบนไปแล้วก็ตาม แสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้งานเองไม่ได้มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับสหรัฐและสหภาพยุโรปแต่อย่างใด และยังคงเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของแคสเปอร์สกี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image