ทางเลือกของสถานีอวกาศนานาชาติ หลังอุบัติเหตุโซยุซ

สถานีอวกาศนานาชาติ (จาก NASA)

 

หลังจาก ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในการปล่อยจรวดโซยุซขณะนำยานโซยุซขึ้นสู่อวกาศในภารกิจนำมนุษย์อวกาศขึ้นไปประจำการบนสถานีอวกาศนานาชาติ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ระบบกู้ภัยฉุกเฉินของจรวดโซยุซและทีมภาคพื้นดินทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้มนุษย์อวกาศทั้งคู่กลับลงสู่พื้นโลกได้อย่างปลอดภัย

มนุษย์อวกาศทั้งสองคนในเที่ยวบินนี้คือ อะเล็กซีย์ ออฟชินิน ชาวรัสเซีย และ นิก เฮก ชาวอเมริกัน ทั้งสองมีภารกิจขึ้นไปยังสถานีอวกาศเพื่อปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์อวกาศที่รออยู่บนนั้น เป็นชุดที่ 57

Advertisement

องค์การอวกาศรัสเซียหรือ รอสคอสมอส ร่วมกับองค์การนาซาของสหรัฐอเมริการ่วมกันสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และได้สั่งระงับภารกิจของยานโซยุซในอนาคตทั้งหมดจนกว่าจะได้บทสรุปที่ชัดเจน

ชื่อ โซยุซ เป็นทั้งชื่อของจรวด และชื่อยานอวกาศ การส่งจรวดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา ใช้จรวดโซยุซ-เอฟจี เป็นจรวดขับดันเพื่อนำยาน โซยุซ เอ็มเอส-10 ขึ้นสู่วงโคจร

Advertisement

การปล่อยจรวดโซยุซที่นำยานโซยุซ เอ็มเอส-10 ขึ้นสู่วงโคจร ขณะที่จรวดตอนแรกทั้งสี่ท่อนแยกตัวออกจากลำแกน ซึ่งเกิดปัญหาขึ้นจนทำให้การปล่อยจรวดล้มเหลว
(จาก NASA/Bill Ingalls)

 

ลำดับปัญหาที่เกิดขึ้นกับโซยุซเอ็มเอส-10 เท่าที่ทราบในขณะนี้คือ ในช่วงแรก การปล่อยจรวดเป็นไปตามแผน แต่ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นหลังจากจรวดขึ้นจากแท่นปล่อยไปเกือบสองนาที เมื่อจรวดตอนแรกซึ่งมีสี่ลำต้องปลดตัวเองออกไปจากลำแกน แต่หนึ่งในนั้นกลับไม่หลุดออกไปจากลำแกนอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ทีมเก็บกู้ได้ตามหาจรวดตอนแรกที่ตกลงมาบนพื้นดินได้ครบทั้งสี่ลำ พร้อมจะนำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียด

การระงับการปล่อยจรวดโซยุซส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินงานของสถานีอวกาศนานาชาติ เนื่องจากปัจจุบันโซยุซเป็นพาหนะเพียงอย่างเดียวที่นำมนุษย์อวกาศขึ้นลงระหว่างโลกกับสถานีอวกาศได้ ส่วนกระสวยอวกาศขององค์การนาซาได้ปิดโครงการไปตั้งแต่ปี 2553 แล้ว มนุษย์อวกาศของนาซาที่ต้องการเดินทางไปสถานีอวกาศนานาชาติก็ต้องมาอาศัยยานโซยุซของคู่แข่งเก่าไป จนกว่าที่ระบบขนส่งมนุษย์อวกาศรุ่นใหม่ของสหรัฐอเมริกาจะพร้อมประจำการ

ภาพการปล่อยจรวดโซยุซเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ถ่ายจากสถานีอวกาศนานาชาติ โดยอะเล็กซานเดอร์ เกิสต์

 

องค์การนาซาได้ทำสัญญากับบริษัทเอกชนสองรายในการพัฒนายานอวกาศเพื่อส่งมนุษย์อวกาศขึ้นสู่วงโคจร รายแรกได้แก่ สเปซเอกซ์ ซึ่งได้พัฒนายาน ดรากอน 2 และจรวดขับดันฟัลคอน 9 กับฟัลคอนเฮฟวี ทั้งจรวดฟัลคอน 9 และฟัลคอนเฮฟวีต่างพร้อมประจำการแล้ว จรวดฟัลคอน 9 ได้ปฏิบัติภารกิจนำดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงการนำยานดรากอนซึ่งเป็นยานขนส่งสัมภาระไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ นับเป็นบริษัทเอกชนรายแรกที่นำยานไปเทียบสถานีอวกาศนานาชาติได้สำเร็จ ส่วนจรวดฟัลคอนเฮฟวีก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการปล่อยจรวดทดสอบเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

คู่สัญญาอีกรายหนึ่งคือโบอิ้ง ซึ่งได้พัฒนายาน ซีเอสที-100 สตาร์ไลเนอร์ สำหรับขนส่งมนุษย์อวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติได้มากถึงคราวละ 7 คน ยานสตาร์ไลเนอร์สามารถเลือกใช้จรวดขับดันได้หลายรุ่น ทั้งแอตลาส 5, เดลตา 5 หรือแม้แต่คู่แข่งอย่างฟัลคอน 9

แต่ทั้งยานดรากอน 2 ของสเปซเอกซ์และยานซีเอสที-100 สตาร์ไลเนอร์ของโบอิ้งต่างก็ยังอยู่ในระหว่างพัฒนา ทั้งสองรายมีกำหนดการบินทดสอบครั้งแรกอย่างเร็วปลายปี 2562

นั่นหมายความว่า โซยุซจะยังคงเป็นทางเลือกเดียวในการเดินทางไปยังสถานีอวกาศนานาชาติต่อไปอีกอย่างน้อยหนึ่งปีเต็ม

โมดูลลงจอดของยานโซยุซเอ็มเอส-10 จอดแน่นิ่งอยู่บนทะเลทรายทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาซัคสถาน ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ในยานแสสดงว่า ยานได้กระดอนกับพื้นถึงห้าครั้งก่อนจะหยุดนิ่ง มนุษย์อวกาศทั้งสองได้รับแรงจีสูงสุดกว่า 10 จีเป็นเวลาสั้น 

 

ขณะนี้ บนสถานีอวกาศนานาชาติมีมนุษย์อวกาศอยู่สามคน คือ เซอร์เกย์ โปรคอปเยฟ ชาวรัสเซีย อะเล็กซันเดอร์ เกิสต์ ชาวเยอรมัน และ เซเรนา ออนอน-แชนเซลเลอร์ ชาวอเมริกัน ทั้งสามได้ขึ้นไปประจำการบนสถานีตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561

โดยปรกติบนสถานีอวกาศนานาชาติจะมีมนุษย์อวกาศผลัดเปลี่ยนขึ้นไปปฏิบัติภารกิจชุดละประมาณ 6 เดือน อุบัติเหตุที่เกิดกับโซยุซในครั้งนี้ ส่งผลให้ตารางการปฏิบัติหน้าที่ของมนุษย์อวกาศทั้งสามบนสถานีต้องเปลี่ยนไป และอาจรวมถึงกำหนดการกลับสู่โลกด้วย เดิมทั้งสามมีกำหนดกลับสู่โลกในเดือนธันวาคมปีนี้ แต่การที่แผนส่งมนุษย์อวกาศผลัดต่อไปถูกระงับไป อาจหมายความว่าทั้งสามคนนี้อาจต้องอยู่บนสถานีต่อไปอีก

การเลื่อนกำหนดเดินทางกลับโลกจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่หากเป็นการเลื่อนเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แต่หากแผนการส่งยานโซยุซยังต้องหยุดยาวต่อไปอีกเป็นเดือน ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาที่ว่านี้ไม่ใช่อาหารหมด บนสถานีมีอาหารให้อย่างเหลือเฟือ แต่ปัญหาคือยานโซยุซไม่ได้ออกแบบให้อยู่ในอวกาศนานนัก เพราะแบตเตอรีในยานมีอายุใช้งานราว 200 วันเท่านั้น นั่นหมายความว่า มนุษย์อวกาศทั้งสามต้องกลับสู่โลกในต้นเดือนมกราคม 2562 เป็นอย่างช้า

อะเล็กซีย์ ออฟชินิน (ซ้าย) และ นิก เฮก (ขวา) นักบินอวกาศในยายโซยุซ เอ็มเอส-10

 

หากแผนการปล่อยโซยุซไม่กลับมาสู่ภาวะปกติจริง ๆ ผู้ควบคุมสถานีอวกาศนานาชาติก็ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง นั่นคือ ให้มนุษย์อวกาศทั้งสามกลับลงมากับโซยุซ ปล่อยให้สถานีเป็นสถานีร้างไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นครั้งแรกที่สถานีอวกาศนี้ไม่มีมนุษย์ประจำการ

การปล่อยสถานีให้ร้างคนไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก การไม่มีคนอยู่ไม่ได้แปลว่าต้องสูญเสียสถานีไป เพราะศูนย์ควบคุมบนโลกยังคงควบคุมสถานีได้อยู่ ตราบเท่าที่ไม่มีเหตุขัดข้องร้ายแรง เมื่อการปล่อยจรวดพร้อมอีกครั้งค่อยส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปทำงานต่อ แต่การที่สถานีอวกาศเป็นสถานที่ที่มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์สำคัญมากมาย การต้องทิ้งให้สถานีลอยฟ้ามูลค่าสามล้านล้านบาทต้องล่องลอยอย่างไร้ประโยชน์จึงควรให้อยู่เป็นทางเลือกลำดับท้าย ๆ

อะเล็กซีย์ ออฟชินิน (ซ้าย) และ นิก เฮก (ขวา) นักบินอวกาศในยายโซยุซ เอ็มเอส-10

 

ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างหวังว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งรอสคอสมอสและนาซายังคงร่วมงานกันอย่างฉันท์มิตร นาซายังคงมั่นใจในความปลอดภัยในโซยุซ นักบินทั้งคู่ยังคงกะตือรือล้นที่จะได้เดินทางไปกับโซยุซอีกครั้ง รอสคอสมอสได้เผยออกมาว่าการสืบสวนอาจใช้เวลาไม่นานนัก และเป็นไปได้ว่าทั้ง นิก เฮก กับ อะเล็กซีย์ ออฟชินิน จะได้ขึ้นสู่อวกาศอีกครั้งในต้นปีหน้า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image