สื่อมวลชนระดับหัวแถวของสหรัฐอเมริกาหลายสำนัก รายงานตรงกันว่า องค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐอเมริกา กำลังพิจารณาออกคำสั่งห้ามจำหน่ายผลิตน้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้าบางกลิ่น โดยเฉพาะกลิ่นเมนทอล ที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่วัยรุ่นและสตรี นอกจากนั้นยังเตรียมห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์เพื่อใช้กับบุหรี่ไฟฟ้าตามร้านสะดวกซื้อและปั๊มน้ำมันอีกด้วย
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา โดยอ้างคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสรายหนึ่งระบุว่า นายสก็อตต์ ก็อตต์เลียบ ประธานกรรมการเอฟดีเอ กำลังเตรียมการเพื่อเริ่มกระบวนการห้ามการใช้สารเมนทอลแต่งกลิ่นและรสของผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับบุหรี่ไฟฟ้า หรือแวปปิง โปรดักส์ โดยกระบวนการดังกล่าวกว่าจะได้ข้อยุติก็คาดว่าจะใช้เวลาราว 1 ปี และกว่าจะมีอำนาจบังคับใช้สมบูรณ์ก็ต้องใช้เวลาอีก 1 ปี
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส เคยรายงานไว้ว่า นายก็อตต์เลียบแสดงท่าทีเกี่ยวกับกรณีนี้ไว้หลายครั้ง ครั้งล่าสุดคือเมื่อปลายเดือนที่แล้วด้วยการออกมายอมรับว่าการห้ามการใช้เมนทอลในบุหรี่ไฟฟ้ากำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นิวยอร์ก ไทม์ส ระบุว่ากระบวนการห้ามดังกล่าวใช้เวลา “หลายปี” และหนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับระบุตรงกันว่า บรรดาผู้ผลิตบุหรี่ไม่ยอมตอบคำขอความเห็นในกรณีนี้แต่อย่างใด
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นเดียวกันมีรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า ทางเอฟดีเอเตรียมออกคำสั่งห้ามจำหน่ายอุปกรณ์เพื่อการสูบบุหรี่ไฟฟ้า (เฟลเวอร์ คาร์ทริดจ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า พ็อด) ในร้านสะดวกซื้อและตามปั๊มน้ำมันทั่วประเทศรวมแล้วหลายแสนร้าน และคาดว่าคำสั่งดังกล่าวนี้จะประกาศใช้โดยเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเหล่านี้มีขึ้นหลังจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาออกมาแสดงความวิตกต่อสิ่งที่เอฟดีเอเรียกว่าเป็น “การแพร่ระบาด” ของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าหรือ “แวปปิง” ในหมู่วัยรุ่นอเมริกัน อย่างไรก็ตาม รายงานของวอชิงตันโพสต์ระบุว่า เอฟดีเอจะไม่ห้ามการผสมสารเมนทอลลงในน้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้าแต่อย่างใด โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะไม่ต้องการให้เกิดผลข้างเคียงคือกลายเป็นการกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าหันไปหาทางออกง่ายๆ ด้วยการหันไปสูบบุหรี่มวนผสมเมนทอลแทน
ในรายงานของวอลสตรีทฯระบุว่า จูลแล็บ ผู้ผลิตอี-ซิการ์แรตส์ รายใหญ่และเป็นแบรนด์ยอมนิยมของวัยรุ่นอเมริกัน กำลังเตรียมยกเลิกการส่งผลิตภัณฑ์แต่งกลิ่นส่วนใหญ่ของตนไปวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป แต่จะยังคงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกกลิ่นผ่านเว็บไซต์ของตนต่อไป
ด้านนายเกรกอรี คอนลีย์ ประธานสมาคมอเมริกันแวปปิง ยอมรับว่าการระบาดในหมู่วัยรุ่นทำให้มีความจำเป็นต้องดำเนินการควบคุมด้วยกฎหมาย แต่ก็น่าจะมีรูปแบบที่ดีกว่านี้ในการป้องกันไม่ให้วัยรุ่นหันมานิยมแวปปิง ในขณะที่การห้ามใช้สารแต่งกลิ่นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ใช้โดยรวม
โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่สามารถหันกลับไปสูบบุหรี่ทั่วไปที่เป็นอันตรายกว่าได้ทุกเมื่อนั่นเอง
