“เอไอ” สร้างโอกาสใหม่ให้ธุรกิจ ชี้เอกชนต้องตื่นตัว-รัฐต้องส่งเสริม

ดร.ปีเตอร์ เจ. เบนท์ลีย์ ประธานฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท เบรนทรี จำกัด และศาสตราจารย์เกียรติคุณ ภาควิชาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน AI Machine Learning และ Deep Learning เปิดเผยในงานสัมมนา TMA Thailand Management Day 2018 ซึ่งจัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ Rise of AI and the World of Machine Learning ระบุว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง จะเป็นโอกาสครั้งใหม่สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะการสร้างงานและอาชีพรูปแบบใหม่ ที่ใช้ AI ในการหารายได้

“ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน อาชีพนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลไม่เคยมีมาก่อนแต่ตอนนี้เป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงมาก หรืออย่าง แชตบอท ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ใช้ AI ในการสร้างรายได้ และในอนาคตจะเห็นคนที่หารายได้ผ่านอินเตอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่นมากขึ้น” ดร.ปีเตอร์กล่าว

ขณะเดียวกัน AI ก็จะมีส่วนช่วยภาคธุรกิจในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพราะโดยส่วนใหญ่ทุกธุรกิจก็จะมีข้อมูลที่จัดเก็บของตัวเอง ซึ่งสามารถนำ AI มายกระดับบริการของตัวเอง สร้างมูลค่าการบริการที่เพิ่มขึ้น หรือนำมาช่วยคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจ ความต้องการของลูกค้า และหากเป็นองค์กรที่มีข้อมูลที่มีคุณค่า ก็อาจจะสามารถสร้างหน่วยธุรกิจใหม่จาก AI ได้ด้วย

สำหรับเทรนด์ของธุรกิจ AI จะถูกนำมาใช้กับการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์พฤฒิกรรมมนุษย์ การใช้งานด้านสาธารณสุข อย่างการขยายตัวของเชลล์มะเร็ง เป็นต้น

Advertisement

ดร.ปีเตอร์ยังกล่าวถึงโอกาสของการใช้ AI ในประเทศไทยว่า ประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่เริ่มมีการตื่นตัวนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ ซึ่งก็มีบางธุรกิจนำมาประยุกต์ใช้แล้ว แต่บางธุรกิจก็ยัง ซึ่งมองว่าเอกชนควรที่จะมีความตื่นตัวในการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพราะนอกจากจะสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรแล้ว การลงทุนยังน้อยมาก มีเพียงเครื่องคอมพิวเตอร์และคนที่ช่วยจัดเก็บบริหารข้อมูลเท่านั้น

นอกจากนี้ภาครัฐก็ต้องช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจ AI เกิดขึ้นด้วย อย่างในอังกฤษ รัฐบาลก็ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อผลักดันให้อังกฤษเป็นศูนย์กลางของยุโรป รวมถึงเรื่องของการผลักดันกฎหมายต่างๆ ในการสนับสนุนให้เอกชนหันมาวิจัยพัฒนามากขึ้น อย่างในยุโรปบริษัททางด้าน AI ก็เกิดขึ้นมาหลายพันบริษัท หรืออย่างในจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ก็ให้ความสำคัญกับ AI ค่อนข้างมาก

ด้าน นายมาร์ติน วีซอฟสกี้ ประธานกรรมการบริหาร ด้านการออกแบบและนักอนาคตศาสตร์ ศูนย์นวัตกรรมของ SAP เปิดเผยในหัวข้อ What is work and what is human in the superhuman future ว่า องค์กรที่จะประสบความสำเร็จในยุคต่อไปจะต้องปรับทัศนคติในการทำงานใหม่ จากเดิมที่ชูกำไรเป็นตัวตั้ง จะต้องหันมามองที่เป้าหมายเป็นตัวตั้ง เปลี่ยนการทำงานเป็นลักษณะเครือข่าย ไม่ใช่ลำดับชั้น และเน้นการร่วมมือมากกว่าการควบคุม รวมถึงมีการทดลองทดสอบบริการรูปแบบใหม่ให้มากขึ้น รวมถึงมีการเปิดเผยข้อมูลให้มีความโปร่งใส โดยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ จะเป็นทางรอดสำหรับการทำธุรกิจในยุคต่อไป บริษัทที่ไม่ทำการค้นหา หรือทดสอบนวัตกรรม จะอยู่ไม่ได้ ขณะเดียวกันการทำงานของคนในองค์กร อะไรที่เป็นเรื่องของงานประจำ ควรปล่อยมือให้คอมพิวเตอร์ดำเนินการ ส่วนบุคลากรในองค์กรจะต้องหันไปคิดในงานที่เป็นวิสัยทัศน์ในอนาคต

ผู้เชี่ยวชาญชี้แฮกเกอร์ทำได้ง่ายๆ ภายใน 5 นาที แม้ไม่มีความรู้ แนะระบบป้องกันต้องไม่ละเลยเรื่องทางกายภาพ และการให้ความรู้แก่มนุษย์ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ขณะเดียวกันต้องจัดระบบตรวจสอบหมุนวนอยู่ตลอดเวลา

นายเฟรกกี้ คลาวน์ Co-Founder & Head of Ethical Hacking บริษัท ไซเจนต้า จำกัด ประเทศอังกฤษ บรรยายหัวข้อ Cyber -Attack: Business Greatest Risk through the Lens of a Hacker ในงาน TMA Thailand Management Day 2018, Smart Connectivity: The Opportunities and Challenges ซึ่งจัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทยว่า ไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือมีความสามารถพิเศษก็แฮกข้อมูลได้ โดยทำตามขั้นตอนที่เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต จะมีเมนูกำหนดให้แฮกเอง

ขณะที่ผู้ถูกแฮกก็ไม่รู้ตัวว่าโดนแฮก เพียงแค่เปิดไฟล์แปลกๆ ที่มีผู้ส่งเข้ามา แม้ไม่ได้คลิกดำเนินการใดๆ ต่อ แต่ระบบของฝ่ายแฮกจะดำเนินการล้วงข้อมูล หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของผู้ถูกแฮกได้โดยง่าย

การล้วงข้อมูลทำได้ภายใน 5 นาทีทั้งๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ และภายใน 15 นาที จะควบคุมทั้งองค์กรที่แฮกเข้าไปได้ ซึ่งเมื่อปี 2560 มีบางบริษัทสูญเสียมากกว่า 675 ล้านดอลลาร์จากการถูกแฮก

ขณะเดียวกัน ไม่ใช่เพียงความปลอดภัยไซเบอร์ที่ต้องป้องกัน ข้อแนะนำสำคัญคือ ต้องมีระบบป้องกันทางกายภาพ ต้องสอนคนให้ระวังความมั่นคงปลอดภัย เช่น ประตูกระจกหมุน จะมีจังหวะหยุดอัตโนมัติ ทำให้คนร้ายอาศัยจังหวะนี้ก้าวเข้าองค์กรได้ หรือซีซีทีวีที่ไม่ดีจะไม่ออกแบบมาเพื่อการป้องกัน เช่น ไม่ส่องไปทางที่มีต้นไม้

ระบบรักษาความปลอดภัยเกี่ยวข้องกับคน บางทีเราอาจเห็นเจ้าหน้าที่จ้องมองหาขโมยในจอคอมพิวเตอร์ แต่ตามความเป็นจริงเขาอาจเพียงกำลังมองหาคนส่งอาหารกลางวัน พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ใช่หุ่นยนต์ ยังมีความสนใจบางเรื่อง ดังนั้น ต้องฝึกอบรมให้พวกเขาเพ่งมองบางอย่างที่ผิดปกติ

นอกจากนี้ ระบบล็อกต่างๆ เป็นเพียงการป้องกันคนซื่อตรงที่จะเข้ามาในหน่วยงาน แต่คนร้ายจะหาวิธีการต่างๆ เข้ามาได้ การติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยต้องรู้วิธีทำงาน ไม่ใช่ติดไว้ด้านหน้าพร้อมกุญแจเปิดรหัส แม้กระทั่งเก็บเอกสารสำคัญไว้ให้โฟลเดอร์ที่แสดงสัญลักษณ์เด่นชัด หรือติดป้ายประกาศถังขยะที่เอกสารสำคัญ ก็เป็นการชี้เป้าโจรกรรมเช่นกัน

“ถ้าทำระบบรักษาความปลอดภัยทางกายภาพไม่ดี แม้จะลงทุนระบบมากแค่ไหนก็ไม่ปลอดภัย”

ทั้งนี้ ความปลอดภัยเริ่มต้นด้วยตัวเรา มนุษย์เป็นจุดอ่อนสำคัญ แต่ถ้าให้ความรู้ก็จะกลายเป็นจุดแข็งได้ ยกตัวอย่าง ธนาคารในแองโกลา จะถูกขโมย 500 ล้านดอลลาร์ แต่พนักงานธนาคารเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นก็ยับยั้งเหตุไว้ได้

การหยุดยั้งการโจมตีทางไซเบอร์ของโลกนั้น มนุษย์เป็นผู้ป้องกันที่ดีที่สุด โดยต้องให้มนุษย์ตระหนักถึงความปลอดภัย ซึ่งตั้งแต่ปี 2559-2560 เริ่มมีแนวคิดนำมนุษย์มาเสริมการปกป้ององค์กร จากที่ทำไซเบอร์ซิเคียวริตี้มานานจะไม่ทำครั้งเดียวจบ จะต้องทำอย่างต่อเนื่องโดยจัดประเมิน ฝึกอบรม และสร้างวัฒนธรรมให้ปฏิบัติต่อเนื่องวนซ้ำกันเป็นลูป พร้อมทั้งต้องให้กำลังใจ ให้ข้อมูล และความเข้าใจว่า ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นความสำคัญ เพราะหากทุกคนไม่ร่วมมือจะไม่ได้ผล อีกทั้งยังต้องมองจากมุมของคนโจมตีด้วยว่า บริษัทของเราในสายตาของเขาจะมุ่งเป้าไปที่ไหน

การทำระบบป้องกันต้องไม่ทำตามลำพัง ต้องปรึกษาคนข้างนอกด้วย และคาดหวังต่ำๆ ไว้ เริ่มป้องกันจากระดับพื้นฐาน แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับให้สูงขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image