ทีม Wake Up คว้ารางวัล “Minor Tasting The Future – Hackathon 2018”

เครื่องชงกาแฟเย็นอัจริยะ (WAKE UP Intelligent Machine) หรือ “Shibato” คว้ารางวัลชนะเลิศ “Minor Tasting The Future – Hackathon 2018” จากการเฟ้นหาสตาร์ทอัพในกลุ่ม Food and Dining Technology ครั้งแรกของเมืองไทย มุ่งหานวัตกรรมเด็ดที่พร้อมต่อยอดธุรกิจด้านอาหารในยุคที่เทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจในอนาคต ด้านเจ้าภาพใหญ่ไมเนอร์กรุ๊ป เตรียมต่อยอดธุรกิจร่วมกับทีมผู้ชนะ และเล็งเป็นพันธมิตรกับอีกหลายรายเข้ามาเสริมด้านเทคโนโลยีของธุรกิจ พร้อมต่อยอดจัดงานต่อในอนาคต ด้าน 500 TukTuks เล็งทีมที่โดนใจ เพื่อเตรียมร่วมลงทุนไว้เรียบร้อยแล้ว

“Minor Tasting The Future – Hackathon 2018” งานเฟ้นหานักพัฒนานวัตกรรมทั่วประเทศร่วมประชันไอเดียทางด้านอาหารและธุรกิจร้านอาหาร จัดขึ้นโดยความร่วมมือของ บริษัท ไมเนอร์กรุ๊ป, บริษัท ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ และ 500 TukTuks พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 220,000 บาท โดยผู้ชนะเลิศได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท รองชนะเลิศ 70,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับสอง 50,000 บาท ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมสมัครกว่า 99 ทีม และผ่านการคัดเลือกเพียง 23 ทีม เพื่อเข้าร่วมงาน Hackathon ในครั้งนี้ พร้อมได้รับคำแนะนำอย่างเข้มข้นจากผู้บริหารระดับสูงจากไมเนอร์กรุ๊ป และ mentor ระดับแนวหน้าของเมืองไทย อาทิ มร. วิลเลี่ยม ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, นายกระทิง พูนผล Managing Partner ของ 500 TukTuks และ Founder ของ ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์, นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผู้ก่อตั้ง บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด (Wongnai) และ นายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผู้ก่อตั้ง บริษัท อุ๊คบี จำกัด (Ookbee) จนได้ผู้ชนะเลิศในการแข่งขันครั้งนี้คือ ทีม Wake Up ที่นำเสนอแฟรนไชส์เครื่องชงกาแฟสดอัจฉริยะ สามารถชงได้ทั้งกาแฟร้อนและเย็นแบบอัตโนมัติในเครื่องเดียว โดยจุดเด่นเน้นการเป็นกาแฟสด ใช้นมสดปรุงใหม่ พร้อมเชื่อมต่อระบบบริหารจัดการร้าน ทั้งยังสามารถจดจำและแนะนำลูกค้าได้อีกด้วย

มร. วิลเลี่ยม ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การสนับสนุนครั้งนี้ ไมเนอร์กรุ๊ปตั้งใจที่จะเปิดโอกาสให้แก่คนรุ่นใหม่ที่พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความคิดที่แตกต่างและเป็นไปได้ พร้อมที่จะเรียนรู้และนำไอเดียด้านนวัตกรรมต่าง ๆ มาต่อยอดให้กับธุรกิจ รวมไปถึงช่วยผลักดันให้ธุรกิจของไมเนอร์กรุ๊ปขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง โดยได้ใช้โอกาสนี้ในการคัดสรรสตาร์ทอัพผู้มีความสามารถหรือพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพ พร้อมร่วมธุรกิจและมุ่งไปสู่ความสำเร็จเดียวกันกับไมเนอร์กรุ๊ป

“แนวคิดของการจัดงานครั้งนี้ เรามุ่งมั่นและคาดหวังอย่างสูงที่จะได้เรียนรู้ความแตกต่างด้านเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับธุรกิจของเรา โดยในงานนี้ผู้บริหารระดับสูงของไมเนอร์กรุ๊ปทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มาเข้าร่วมรับฟังและต่อยอดแนวทางในการทำธุรกิจในรูปแบบที่แตกต่าง รวมทั้งตอบสนองต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีในการดำเนินธุรกิจ การได้เข้ามาสัมผัสกับ Hackathon ทำให้เราได้รับอะไรหลายอย่างเหนือกว่าความคาดหมาย ได้เรียนรู้ทั้งในแง่ของวิธีการคิดที่แตกต่าง ตลอดจนการทำงาน ความทุ่มเท และความสามารถของคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาในธุรกิจนี้ ที่สำคัญคือเห็นความรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนระหว่างการทำงานของเหล่าสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในโลกธุรกิจปัจจุบัน”

Advertisement

มร.วิลเลี่ยม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในงาน Hackathon นี้ ไมเนอร์กรุ๊ปได้เล็งเห็นสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะพัฒนาธุรกิจไปร่วมกันในอนาคตไว้แล้วประมาณ 5 ราย โดยเน้นในส่วนของดิจิทัลแพลตฟอร์มที่จะนำพาธุรกิจของไมเนอร์กรุ๊ปให้สามารถพัฒนาด้านบริการไปสู่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าวถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และไมเนอร์กรุ๊ปมีแผนที่จะคัดสรรและเฟ้นหาสตาร์ทอัพมาเข้ามาต่อยอดธุรกิจต่อไปในอนาคต ส่วนครั้งต่อไปจะเป็นอย่างไรหรือรูปแบบไหนนั้น จะต้องนำผลของการจัดงานครั้งนี้ไปประมวลก่อน โดยจะพิจารณาควบคู่ไปกับความต้องการของตลาดและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา

“การเป็นผู้นำทางธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่ายจึงทำให้เราตระหนักว่าเราไม่สามารถหยุดอยู่กับที่ได้ จึงจำเป็นต้องพัฒนาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในอนาคตด้วยการทำงานที่เข้าใจธุรกิจ รวดเร็ว ให้สอดรับกับโลกยุคใหม่ การทำ Hackathon ทำให้เราได้รับแนวความคิดใหม่ ๆ ได้ทำงานร่วมกันสตาร์ทอัพ เรามองว่าการเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกระบวนการคิดแบบสตาร์ทอัพเป็นเรื่องที่สำคัญ เราจึงสนใจในทุกแนวความคิดของทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดที่สตาร์ทอัพจะทำร่วมกับไมเนอร์กรุ๊ป หรือไมเนอร์กรุ๊ปจะไปร่วมทุนเพื่อต่อยอดโครงการสตาร์ทอัพต่อไป” มร.วิลเลี่ยม กล่าว

ด้านนายกระทิง พูนผล Managing Partner ของ 500 TukTuks และผู้ก่อตั้ง ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ กล่าวว่า การเฟ้นหาสตาร์ทอัพในกลุ่ม Food and Dining Tech ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทย ที่มีการคัดเลือกสตาร์ทอัพในธุรกิจนี้ นอกเหนือไปจากฟินเทคและอีคอมเมิร์ซที่เริ่มมีเกิดขึ้นมากมาย ทั้งนี้ กลุ่ม Food and Dining Tech กำลังเป็นธุรกิจที่มาแรงและเหมาะสมกับเมืองไทย ประกอบกับธุรกิจอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมีโอกาสมาก การได้สตาร์ทอัพแนวคิดใหม่ในครั้งนี้จะช่วยยกระดับให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของธุรกิจค้าปลีกอาหารและธุรกิจอาหารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างรวดเร็ว

“ภาพรวมสตาร์ทอัพในปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว มีความหลากหลายของธุรกิจมากขึ้น งานนี้มีสตาร์ทอัพหน้าใหม่และน่าสนใจมากกว่างานอื่น โดย Food and Dining Tech เป็นกลุ่มที่มีตลาดใหญ่และสามารถต่อยอดไปได้อีกมาก เป็นกลุ่มที่ดี มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า สามารถสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับการจัดงานในครั้งนี้ได้ผู้สนับสนุนอย่างไมเนอร์กรุ๊ป ซึ่งจะช่วยให้การต่อยอดหรือการสร้างให้เกิดธุรกิจใหม่ สามารถทำได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เนื่องจากไมเนอร์กรุ๊ปเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจอาหารรายใหญ่ มีเครือข่ายครอบคลุมหลายประเทศ นอกจากในประเทศไทย”

การจัดงาน Minor Tasting The Future – Hackathon 2018 ในครั้งนี้ ได้ทีมผู้ชนะอย่าง Wake Up ซึ่งปัจจุบันทำธุรกิจกาแฟ มีร้านรวมไปถึงมีแฟรนไชส์ของตนเอง แต่ต้องการขยายธุรกิจด้วยการใช้ตู้อัตโนมัติในการผลิตกาแฟซึ่งเป็นแบรนด์ของตนเอง เน้นการเป็นกาแฟสด ใช้นมสด ปรุงใหม่เหมือนกาแฟตามร้านทั่วไป ทำได้ทั้งกาแฟร้อนและเย็น รวมทั้งยังเป็นเครื่องชงกาแฟที่สามารถจดจำลูกค้าได้ ถือว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจในการขยายธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ประกอบกับมีความเข้าใจและความพร้อมที่จะทำธุรกิจ รวมทั้งมีแผนการทำธุรกิจที่ชัดเจน ทำให้ผู้ตัดสินทุกท่านลงคะแนนตัดสินไปในทางเดียวกันอย่าง เอกฉันท์

นายธวัชชัย มีกลิ่น CEO และ Co-Founder Wake Up กล่าวว่า ธุรกิจของ Wake Up ทำธุรกิจแฟรนไชส์ร้านกาแฟที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง มาประมาณ 5 ปีแล้ว ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วจำนวน 14 สาขา และกำลังจะเปิดอีก 2 สาขา ซึ่งจากการทำธุรกิจที่ผ่านมาพบว่าการทำร้านมีการลงทุนสูง และมีต้นทุนในหลายด้าน การขยายสาขาจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก จึงคิดวิธีที่จะลดต้นทุนดังกล่าว ในขณะที่สามารถขยายสาขาไปได้มากขึ้น จึงเป็นที่มาของการคิด Intelligent Machine ขึ้น ด้วยแนวคิดที่จะต้องสามารถคงคุณภาพและรสชาติของกาแฟได้เหมือนต้นฉบับ และที่สำคัญต้องเป็นกาแฟสดชงใหม่ ทั้งร้อนและเย็น ซึ่งนอกจาก Model Stand Alone แล้ว Wake Up ยังตั้งเป้าจะนำ Machine ไปพัฒนาต่อยอดเป็น Digital Café อีกด้วย

“การเข้ามาแข่งขันในงาน Minor Tasting The Future – Hackathon 2018 ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในการแข่งขันแบบนี้ และดีใจที่ได้รางวัลชนะเลิศ เรามองว่าไอเดียของเราดี ถ้าได้ต่อยอดกับแบรนด์ที่ดี ก็จะทำให้เราเติบโตไปได้เร็วขึ้น ประกอบกับในงานเราได้คอนเนคชันจาก Mentor ได้ความรู้ที่เป็นประโยชน์มากขึ้น น่าจะส่งเสริมไอเดียและทำให้เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าช้าอาจจะทำให้เจ้าอื่นเข้ามาแข่งขัน และเราเชื่อมั่นว่าไมเนอร์กรุ๊ปจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตได้เร็วขึ้น สำหรับชื่อเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติในเบื้องต้นจะใช้ชื่อว่า “ชิบะโตะ” ซึ่งมาจากสายพันธุ์สุนัขของญี่ปุ่น เราอยากให้คนจดจำได้ง่าย และสร้างคาแรคเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจ” นายธวัชชัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image