“นายแพทย์ ศุภชัย ปาจริยานนท์” คนหนุ่มวิสัยทัศน์ของวันพรุ่งนี้

ในยุคที่แทบทุกสิ่งในโลกนี้เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต และโลกของธุรกิจที่แคบลงมาทำให้ทุกองค์กรจำเป็นต้องมีการปรับตัวรับกระแสนี้ นายแพทย์ ศุภชัย ปาจาริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร คุณหมอหนุ่มที่เคยคิดค้นโปรแกรมเทรดหลักทรัพย์สมัยเรียน ได้ตั้งสถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมขึ้นมา ด้วยจุดหมายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนการเติบโตของภาคเศรษฐกิจอีก 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ และเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้

โดยในช่วงที่ผ่านมา ผลงานของผู้บริหารหนุ่มวิสัยทัศน์ไกลท่านนี้คือ การร่วมมือกับลูกค้าชั้นนำในการปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ รับสภาพการแข่งขันในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจชั้นนำที่เรารู้จักดี คือ PTT และกรุงศรี ซึ่งหลักใหญ่ใจความคือ สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรจะช่วยลูกค้าที่เป็นองค์กรชั้นนำเหล่านี้ในการปรับทัศนคติในการทำงาน การพัฒนาประสิทธิภาพ เพื่อสร้างสรรค์วัฒนธรรมองค์กรที่ช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตไปข้างหน้าได้ดี

“แวดวงธุรกิจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราได้ยินแต่ ‘ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก’ ปลาใหญ่เท่านั้นที่จะอยู่รอด วันนี้ต้องเรียกว่า ‘ปลาเร็วกินปลาช้า’ ไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอีกต่อไป นั่นเป็นเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ธุรกิจเกิดใหม่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อ disrupt ธุรกิจเจ้าใหญ่ที่อยู่มานาน และขณะนี้ถือว่าเป็นยุคที่ธุรกิจใหญ่เหล่านี้ที่เคยเป็นปลาใหญ่ จะต้องลุกขึ้นมาเร่งสปีดเป็นปลาเร็วเพื่อต่อสู้ในสงครามแห่งนวัตกรรมนี้” นายแพทย์ศุภชัยกล่าว

กำหนดวิสัยทัศน์ ปี62

Advertisement

นายแพทย์ศุภชัยได้กล่าวถึงทิศทางธุรกิจขององค์กรในปี 2562 ว่า RISE ได้วางบทบาทตัวเองเป็น Regional Corporate Innovation Accelerator ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อเร่งสปีดความเติบโตของนวัตกรองค์กร ผ่าน Corporate Innovation Accelerator Framework ที่ RISE ออกแบบมาโดยเฉพาะ และเครือข่ายทั่วโลกที่พร้อมสนับสนุนนวัตกรรมองค์กรให้ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ เพื่อช่วยยกระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นศูนย์กลาง หรือ Hub ของการลงทุนและพัฒนาด้านนวัตกรรมองค์กรได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ธุรกิจหลักของ RISE ที่จะผลักดันนวัตกรรมองค์กร (Corporate Innovation) แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย

1.Accelerator-RISE ร่วมมือกับเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ ระดับ Fortune 500 และหน่วยงานภาครัฐ สร้างแรงบันดาลใจให้คนในองค์กรเข้าใจและเห็นถึงโอกาสที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในองค์กรและทำให้องค์กรนั้นๆ เติบโตเร็วขึ้น รวมถึงเรียนรู้ที่จะร่วมมือกับกลุ่มสตาร์ตอัพมากกว่า 1,000 แห่งในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ที่มีเทคโนโลยีที่พร้อมใช้งานได้จริง เพื่อให้เกิดนวัตกรรมองค์กรใหม่ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้น โครงการในส่วนของ Accelerator อาทิ เช่น Krungsri RISE, PTT D-NEXT, Startup Fast Track-Go Inter with DEPA และอื่นๆ

Advertisement

2.Mindset Transformation-RISE เชื่อว่าการที่คนในองค์กรนั้นจะสร้างนวัตกรรมองค์กรได้นั้นต้องคิดและลงมือทำอย่างนวัตกร ดังนั้น RISE จึงสร้างเวิร์กช็อปที่ให้คนในองค์กรและรัฐบาลเข้าร่วมและเรียนรู้เป็นนวัตกรผ่านประสบการณ์ทำจริง เพื่อสร้างนวัตกรรมองค์กรที่สามารถใช้ได้จริงและประสบความสำเร็จ โปรแกรมของเวิร์กช็อป อาทิ เช่น Design Thinking ที่ได้หลักสูตรมาจาก D School, Stanford University, หรือ Data Science Master Class สอนโดย Ikhlag Sidhu, Chief Scientist and Founding Director ของ Sutardja Center, UC Berkeley ซึ่งปีที่ผ่านมามี Executives ที่ผ่านเวิร์กช็อปต่างๆ ของ RISE มากกว่า 1,000 คน มากไปกว่านั้น ทุกไตรมาส RISE จะมี Immersive Trip ที่เชิญเหล่า Executives ไปเยี่ยมชมบริษัทที่เป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรม เช่น Apple, Facebook, Google, และ Silicon Valley Bank ที่ Silicon Valley, San Francisco

3.Venture: RISE ทำหน้าที่เป็น Venture Builder ที่จะจับมือกับทางฝั่งองค์กรและฝั่งสตาร์ตอัพ เพื่อสร้าง Venture โดนที่เราจะให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ขั้นตอนว่า Venture ใหม่นี้จะประสบความสำเร็จและเกิด win-win situation สำหรับทุกฝ่าย ซึ่งปัจจุบัน RISE ได้ร่วมกับบริษัทเอกชนลงทุนสร้าง Joint Venture ไปแล้ว 2 แห่ง

4.Community: RISE มีพันธมิตรอยู่ทั่วโลกที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกันในแง่ของความรู้ ทรัพยากรต่างๆที่เป็นประโยชน์ เพื่อการสร้าง Ecosystem ที่เหมาะสมกับการสร้างนวัตกรรมองค์กร ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เป็น Accelerator หรือ Community ของกลุ่มนวัตกร เช่น Platform E, Seoul Startup Hub, Serendipia และอื่นๆ ซึ่งปัจจุบัน RISE ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับทั้งหน่วยงานภาครัฐและมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก เช่น Saigon Innovation Hub, Enterprise Singapore, The Department for International Trade (DIT) ของสหราชอาณาจักร

จัดงานช้างสร้างบรรยากาศ

และเพื่อเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์และภารกิจของ RISE ที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนให้ Gross Domestic Product ของประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตให้ได้อีก 1% จากการนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งและเร่งสปีดการเติบโตให้กับองค์กรต่างๆ ในยุคที่ปลาเร็วกินปลาช้า ในปี 2562 นี้ RISE จะจัดงาน Corporate Innovation Summit 2019 – Asia’s First Experiential Conference ระหว่างวันที่ 28-29 มีนาคม 2562 ณ โรงแรมเซ็นทารา คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ

“ที่บอกว่างานครั้งนี้ยิ่งใหญ่ ส่วนสำคัญคือบุคคลระดับผู้บริหารจากองค์กรหน่วยงานระดับสูงจะมาร่วมสัมมนา รวมถึงเวิร์กช็อปทางธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับ Fortune 500 และหน่วยงานภาครัฐที่จะมาถ่ายทอดอย่างใกล้ชิด” นายแพทย์ศุภชัยกล่าว

ซึ่งผู้เข้าร่วมงานสามารถเลือกเข้าร่วมเวิร์กช็อปมากกว่า 40 หัวข้อ รวมถึง Keynotes และ Panelists จากนวัตกรระดับโลกมากกว่า 60 ท่าน Mentoring Clinic จากผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 20 ท่าน ที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐได้รับประสบการณ์ตรงจากนวัตกรระดับโลก เพื่อให้สามารถนำไปใช้พัฒนาองค์กรได้อย่างแท้จริง สำหรับผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรกว่า 2,000 คน จากทั่วทวีปเอเชีย

การจัดงานในครั้งนี้มีการนำเสนอมุมมองแนวคิดที่หลากหลาย ซึ่งครอบคลุมใน 8 ส่วน ทางด้านนวัตกรรมองค์กร ประกอบด้วย Skillset and Mindset Transformation, Corporate Venture Capital, Corporate Entrepreneurship, M&A and Beyond, Government and Policy, Deep Technology, Innovation and Creativity และ Corporate Accelerator ที่จะออกมาในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเวิร์กช็อป, Keynotes, การเสวนา และคลินิกให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางธุรกิจผู้เข้าร่วมงาน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางธุรกิจระดับโลกและมืออาชีพ, บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี, และสตาร์ตอัพ ที่มีการเติบโตรวดเร็ว ที่จะมาร่วมแชร์แนวทางในการปฏิบัติในการพัฒนาและผลักดันองค์กรธุรกิจผ่านนวัตกรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image