‘อินสตาแกรม’ แพลตฟอร์มเพื่อธุรกิจไทย

อินสตาแกรม (Instagram) ได้จัดงานเสวนา “Instagrammable Business” ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่สำนักงานเฟซบุ๊ก (Facebook) ประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ของอินสตาแกรมที่มีศักยภาพในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ แบรนด์และครีเอเตอร์ เพื่อเป็นการฉลองการเติบโตอย่างต่อเนื่องของชุมชนบนแพลตฟอร์มอินสตาแกรมในประเทศไทย

ทั้งนี้ อินสตาแกรมเป็นแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นพื้นที่ที่ผู้คนและธุรกิจใช้ในการแสดงตัวตนของพวกเขา และเติบโตขึ้นมาเป็นชุมชนออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานถึงมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก ซึ่งร้อยละ 80 ของผู้คนบน อินสตาแกรม มีการติดตามธุรกิจบนแพลตฟอร์ม อีกทั้งการใช้งานอินสตาแกรมในประเทศไทยก็มีอัตราที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง

น.ส.ชวดี วงศ์พยัต หัวหน้าฝ่ายธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เฟซบุ๊ก ประเทศไทย กล่าวว่า “วิธีการสื่อสารของผู้คนกำลังเปลี่ยนแปลงไป การมีกล้องถ่ายรูปอยู่ในโทรศัพท์มือถือทำให้ภาพถ่ายกลายเป็นภาษาในรูปแบบใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เราใช้รูปภาพในการพูดคุยกันเพื่อสื่อสารว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เรากำลังคิดอะไรอยู่ และเพื่อเล่าเรื่องราวต่างๆ อินสตาแกรมจึงกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผู้คนที่ช่วยให้พวกเขาเชื่อมต่อกับคนอื่นๆ ความชื่นชอบ หรือแม้กระทั่งสินค้าได้”

ไม่ว่าจะเป็นการใช้แฮชแท็ก การโพสต์เนื้อหาที่สร้างแรงบันดาลใจผ่าน Stories หรือการนำเสนอเรื่องราวและภาพเบื้องหลังของธุรกิจ ครีเอเตอร์และแบรนด์จำนวนมากทั่วโลกได้ใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายและประสบความสำเร็จในการต่อยอดทางธุรกิจจากบัญชีผู้ใช้งานกว่า 200 ล้านบัญชีต่อวัน ที่เยี่ยมชมโปรไฟล์ของธุรกิจอย่างน้อย 1 โปรไฟล์ต่อวัน โดยเมื่อเดือนมกราคม 2562 ที่ผ่านมา อินสตาแกรมได้ประกาศตัวเลขผู้ใช้งานฟีเจอร์ Stories บนแพลตฟอร์มว่ามีมากกว่า 500 ล้านคนต่อวัน โดย Stories เป็นฟีเจอร์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้แชร์วิดีโอในสไตล์ที่เป็นกันเองและไม่ต้องอาศัยคุณภาพการบันทึกสูง นอกจากนี้ อินสตาแกรมยังได้ฉลองความสำเร็จของฟีเจอร์ IGTV ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถโพสต์วิดีโอแบบแนวตั้งที่มีความยาวมากขึ้นบนแพลตฟอร์มได้

Advertisement

สำหรับคนไทย อินสตาแกรมกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแรกๆ ที่พวกเขาได้เข้าถึงและมีประสบการณ์ร่วมกับคอนเทนต์เนื้อหาด้านความงามและแฟชั่น โดยในประเทศไทย ประเภทของธุรกิจที่คนไทยค้นหาบนอินสตาแกรมมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว แฟชั่น และความงาม ยิ่งไปกว่านั้น ชุมชนวงการแฟชั่นได้ใช้อินสตาแกรมมาตั้งแต่เริ่มแรกในการแสดงออกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงเบื้องหลังการทำงาน การสื่อถึงการเดินทางและพัฒนาการของคอลเล็กชั่นเสื้อผ้า ไปจนถึงการเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ด้วยการใช้ฟีเจอร์ Live โดยในแต่ละเดือนมีจำนวนผู้ใช้กว่า 150 ล้านคนทั่วโลกที่สร้างบทสนทนาและพูดคุยถึงธุรกิจความงามและแฟชั่น

โดยงานเสวนาได้รับเกียรติจากเหล่ากูรูและแบรนด์ด้านความงามและแฟชั่นของไทยที่กำลังเติบโต ได้แก่ บล็อกเกอร์ Nurseryus ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้าและศิลปะที่สอนวิธีการแต่งหน้าและมอบแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่หรูหราอย่าง BFF_BKK และ CAMP BKK ชุมชนมัลติแบรนด์ที่นำเสนอสินค้ากว่า 15,000 ชิ้นจากแบรนด์แฟชั่นออนไลน์ชื่อดังกว่า 250 แบรนด์ โดยเหล่ากูรูและแบรนด์ด้านความงามและแฟชั่นได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเคล็ดลับและหลักปฏิบัติที่ดีรวมถึงเรื่องราวการทำงานที่อินสตาแกรมมีบทบาทในการช่วยพัฒนาและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของพวกเขา

น.ส.ชวดีกล่าวย้ำว่า “กูรูด้านความงามและแฟชั่นที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอย่าง Nurseryus ได้ใช้ประโยชน์จากอินสตาแกรมเพื่อสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ของพวกเขา ซึ่งถูกค้นพบผ่านแพลตฟอร์มและยังมีผู้คนอีกมากมายที่ใช้งานอินสตาแกรมพื่อสร้างและเปลี่ยนแปลงอาชีพของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญ”

Advertisement

การเสวนาดังกล่าวยังได้เน้นถึงความสำคัญของการให้บริการ Instagram Stories ในการสร้างการเติบโตให้กับชุมชน บล็อกเกอร์ Nurseryus ได้พูดถึงศักยภาพในการเล่าเรื่องของแบรนด์ที่ทรงพลังจาก Instagram ที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงให้กับแบรนด์ของเธอ ทำให้เธอสามารถโพสต์รูปภาพที่เป็นกันเองของตัวเธอเองและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่าน Stories เมื่อเธอไม่มีเวลาเตรียมภาพถ่ายที่สวยงามในการโพสต์ลงบนฟีด นอกจากนี้ เธอได้ย้ำว่าฟีเจอร์ดังกล่าวช่วยให้เธอได้รับฟีดแบ๊กจากผู้ติดตามแบบเรียลไทม์ และการโพสต์เนื้อหาอย่างสม่ำเสมอบนแพลตฟอร์มช่วยให้เธอสามารถขยายชุมชนของเธอด้วยจำนวนผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้นถึง 500-1,000 คนต่อครั้ง สำหรับแบรนด์ BFF_BKK พวกเขาพบว่าการโพสต์รีวิวของลูกค้าซ้ำลงบน Stories ช่วยให้พวกเขาได้รับฟีดแบ๊กที่ดีเยี่ยมจากผู้ติดตาม และยังช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าและการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าอีกด้วย

จิตพล ศิริวัฒนเมธางกูร ผู้ร่วมก่อตั้ง CAMP BKK กล่าวว่า “อินสตาแกรมเปลี่ยนแปลงธุรกิจแฟชั่นไปอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มาไวไปไว (fast fashion) ข้อมูลจากการสำรวจระบุว่า ในปัจจุบัน เกือบครึ่งหนึ่งของลูกค้าทั้งหมดมีสินค้าในใจอยู่แล้วก่อนที่จะมาเลือกซื้อที่หน้าร้านหรือบนเว็บไซต์ ทำให้ Instagram ทำหน้าที่เป็นทั้งแคตตาล็อกและด่านหน้าที่ลูกค้าจะผ่านเข้ามาก่อนเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ การอัพเดตสินค้าบน Instagram จะต้องมีความสอดคล้องกับสินค้าหน้าร้านและบนเว็บไซต์ด้วย”

ด้วยจำนวนธุรกิจทั่วโลกมากกว่า 25 ล้านรายที่อยู่บนอินสตาแกรมทำให้แพลตฟอร์มมองหาวิธีการที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับชุมชนอย่างมีความหมายอยู่เสมอ ในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา อินสตาแกรมยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนแบรนด์ต่างๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ บัญชีที่ได้รับการอัพเกรดเป็นโปรไฟล์ธุรกิจจะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของบัญชีของพวกเขา การโปรโมตโพสต์ การสร้างวิธีการเพื่อให้ผู้คนติดต่อพวกเขา และใช้เครื่องมือต่างๆ ที่มีให้บริการเพื่อพัฒนาธุรกิจของพวกเขา

น.ส.ชวดีกล่าวสรุปว่า “เราจะยังคงบุกเบิกวิธีการสร้างสรรค์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้คนมีส่วนร่วมและดำเนินการบางอย่างกับธุรกิจ เราสามารถช่วยธุรกิจในการเปลี่ยนจากการที่ลูกค้าค้นหาแบรนด์มาสู่การทำให้ลูกค้ามีการซื้อขายและทำธุรกิจกับแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการกำจัดอุปสรรคต่างๆ ในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภค นั่นคือเหตุผลที่เราสร้างเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการส่งข้อความพูดคุยกับธุรกิจ โดยทุกอย่างจะสามารถทำได้ในขั้นตอนเดียวบนอินสตาแกรม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image