หัวเว่ย แบนด์ 3 โปร (HUAWEI Band 3 Pro) และ หัวเว่ย แบนด์ 3อี (HUAWEI Band 3e) เป็นฟิตเนส แทร็กเกอร์ใหม่ จากหัวเว่ย ที่ออกแบบมาสำหรับคนรักสุขภาพทั้งหลาย
มาเริ่มกันจาก หัวเว่ย แบนด์ 3 โปร กันก่อน รูปร่างหน้าตา ก็จะเหมือนกับฟิตเนส แทร็กเกอร์ ทั่วๆไป หน้าจอรุ่นนี้ เป็นหน้าจอสัมผัสแล้ว มีขนาด 0.95 นิ้ว เป็นหน้าจอสี AMOLED โดยที่ตัวเรือนนั้น จะเป็นโลหะ ป้องกันรอยขีดข่วนได้ ใส่ได้แบบสบายใจไม่ต้องกลัวว่าจะมีรอดขีดข่วนขณะสวมใส่
ในกล่องก็จะมีตัวชาร์จมาให้ต่างหาก เวลาจะชาร์จก็แปะลงไปในตัวชาร์จเลย ซึ่งขนาดของหน้าจอแสดงผลนั้น ก็ถือว่าชัดเจนกำลังดี ดูได้ทั้งเวลา และการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนที่เราเชื่อมต่อ หรือจะเป็นการแจ้งเตือนเกี่ยวกับกิจกรรมการออกกำลังกายต่างๆ อาจจะเป็นเพราะหน้าจอสี ที่ทำให้การดูต่างๆ สะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ ก็จะเก็บข้อมูลการเต้นของหัวใจของเราเอาไว้ โดยใช้แสงไฟ ไออาร์ ที่มาพร้อมกับความฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่ทำให้การวัดอัตราการเต้นของหัวใจมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทั้งกลางวันและกลางคืนในยามที่เราหลับ
ซึ่งการวัดการนอนหลับนั้น ทางหัวเว่ยได้ใช้โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นรวมกับทางสถาบันการแพทย์ฮาร์วาร์ด ที่จะช่วยระบุรายละเอียดของการนอนที่แม่นยำมากขึ้น หลับลึก หลับไม่ลึก ตื่นนอนกลางดึก เพื่อช่วยให้คุณได้ปรับปรุงการนอนของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อการนอนที่ดียิ่งขึ้น และนอนดี ก็จะตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น
หัวเว่ย แบนด์ 3 โปร ยังมาพร้อมกับจีพีเอสในตัวอีกด้วย เป็นจีพีเอสที่ทางหัวเว่ยระบุว่า กินพลังงานน้อยมาก ทำให้สามารถใช้งานได้นานยิ่งขึ้น จึงมั่นใจได้ว่า พิกัดจะไม่คาดเคลื่อน
ด้วยความสามารถในการกันน้ำตามมาตรฐานกันน้ำ 5 ATM คือสามารถกันน้ำที่ความลึกได้ถึง 50 เมตร ทำให้คุณสามารถใส่หัวเว่ย แบนด์ 3 โปร ไปว่ายน้ำได้ และเก็บข้อมูลการออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ด้วยราคาประมาณสามพันบาท ทำให้หัวเว่ย แบนด์ 3 โปร เป็นอีกตัวเลือกสำหรับผู้ออกกำลังกาย เพราะเรียกได้ว่า แม้ราคาจะไม่ได้สูงมาก แต่ก็ให้ฟีเจอร์ต่างๆ มาครบเลยทีเดียว
มาถึงน้องเล็ก หัวเว่ย แบนด์ 3 อี การออกแบบก็จะดูสวยน้อยกว่าตัว 3 โปร ออกแนวขนาดเล็ก เบา เพราะมีน้ำหนักเพียง 17 กรัมเท่านั้น แต่สามารถใช้งานได้นานถึง 14 วัน ตัวนี้ จะมีอุปกรณ์สำหรับติดไว้ที่รองเท้าด้วย เพื่อไว้สำหรับการช่วยนับก้าว ถามว่า ทำไมต้องติดที่รองเท้า ก็เพื่อไว้ช่วยตรวจจับการลงน้ำหนักของเท้า และวิเคราะห์แนะนำรูปแบบการวิ่งที่เหมาะสม โดยมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว 6 แกน ซึ่งการวิเคราะห์เหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการบาดเจ็บจากการวิ่งได้
โดยรุ่น แบนด์ 3 อี นี้ เวลาจะชาร์จ จะต้องถอดตัวเครื่องออกมาเพื่อนำไปเสียบชาร์จกับอุปกรณ์ที่เสียบไฟอยู่ พอชาร์จเต็ม ก็ค่อยเอามาใส่ไว้ในเครื่องเหมือนเดิม
โดยมาตรฐานกันน้ำ 5 ATM จึงเอาไปใส่ว่ายน้ำได้เช่นกัน ซึ่งจะเห็นว่า แม้จะเป็นเครื่องรุ่นเล็ก ที่ราคาอยู่แค่ประมาณพันบาทเท่านั้น แต่ก็มีความสามารถในการติดตามกิจกรรมต่างๆ ได้ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเท่าไหร่เลย
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า อยากจะได้แบบไหนกัน
