หัวเว่ย เตือนอย่านำข้อพิพาททรัพย์สินทางปัญญาไปเป็นประเด็นทางการเมือง

นายซ่ง หลิ่วผิง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของหัวเว่ย

หัวเว่ยเผยแพร่รายงานปกขาวด้านทรัพย์สินทางปัญญา เตือนอย่านำข้อพิพาททรัพย์สินทางปัญญาไปเป็นประเด็นทางการเมือง

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน หัวเว่ยได้เผยแพร่รายงานสมุดปกขาวว่าด้วยนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา และเตือนไม่ให้นำเรื่องดังกล่าวไปโยงเป็นประเด็นทางการเมือง นายซ่ง หลิ่วผิง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของหัวเว่ย กล่าวในงานแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทว่า ทรัพย์สินทางปัญญาคือรากฐานสำคัญของนวัตกรรม และการนำเรื่องดังกล่าวไปเป็นประเด็นทางการเมืองจะขัดขวางพัฒนาการความก้าวหน้าของทั่วโลกได้

“หากนักการเมืองใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือทางการเมือง พวกเขาจะทำลายความเชื่อมั่นในระบบการคุ้มครองสิทธิบัตร หากรัฐบาลบางประเทศเลือกที่จะตัดบริษัทต่างๆ ออกจากลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาของพวกเขา ก็ถือเป็นการทำลายรากฐานของนวัตกรรมระดับโลก” นายซ่ง กล่าว

รายงานสมุดปกขาวเรื่อง “การเคารพและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา: รากฐานของนวัตกรรม” ได้อธิบายเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติและการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของหัวเว่ย

รายงานได้ตั้งข้อสรุปว่า การคุ้มครองนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จของหัวเว่ยมานานกว่า 30 ปี หัวเว่ยได้รับอนุมัติสิทธิบัตร 87,805 ฉบับ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2561 โดยเป็นสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกา 11,152 รายการ และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 หัวเว่ยมีรายได้จากการให้ลิขสิทธิ์กว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Advertisement

นอกเหนือจากการเก็บสะสมสิทธิบัตรของตัวเองแล้ว หัวเว่ยยังได้จ่ายเงินมากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นค่าลิขสิทธิ์สำหรับการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทอื่นอย่างถูกกฎหมาย โดยเกือบร้อยละ 80 ของเงินค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดได้จ่ายให้กับบริษัทอเมริกัน ดังที่ปรากฎตามรายงานดังกล่าว

นายซ่ง กล่าวว่า ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และข้อพิพาทต่าง ๆ ควรได้รับการแก้ไขผ่านกระบวนการทางกฎหมาย พร้อมเสริมว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีศาลใดตัดสินว่าหัวเว่ยมีส่วนในการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาอันร้ายแรง และหัวเว่ยก็ไม่เคยถูกศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายในเรื่องนี้ด้วย

“แนวคิดเรื่องความร่วมมือและการเคารพในทรัพย์สินทางปัญญาของหัวเว่ย สะท้อนผ่านข้อเท็จจริงง่าย ๆ ที่ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัทหลายอย่างได้ถูกผสานรวมอยู่ในมาตรฐานอันเปิดกว้างต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับเทคโนโลยี 3G, 4G และ 5G และแม้ว่าบางประเทศจะไม่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์โดยตรงจากหัวเว่ย พวกเขาก็ยังใช้สิทธิบัตรที่สำคัญ ๆ ของหัวเว่ย และร่วมแบ่งปันประโยชน์ของเทคโนโลยีที่หัวเว่ยสร้างขึ้นมา” นายซ่ง กล่าว

นายซ่ง ยังได้กล่าวถึงจุดยืนของหัวเว่ยเกี่ยวกับการใช้สิทธิบัตรว่า บริษัทจะไม่ใช้สิทธิบัตรของตัวเองเป็นอาวุธทำร้ายคนอื่น แต่หัวเว่ยจะใช้ทัศนคติที่เปิดกว้างและเน้นการทำงานร่วมกัน และปฏิบัติตามหลักการที่ “ยุติธรรม สมเหตุสมผล และไม่เลือกปฏิบัติ” เมื่อต้องมีส่วนร่วมในเรื่องการออกใบอนุญาตสิทธิบัตรกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม

“และดังเช่นเคย หัวเว่ยพร้อมและเต็มใจที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีของเราให้กับผู้คนทั่วโลก ซึ่งรวมถึง 5G รวมถึงบริษัทและผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา เมื่อเราร่วมมือกัน ก็จะสามารถขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของเราให้เติบโตไปข้างหน้าและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อมนุษย์เราทุกคนได้” นายซ่งกล่าว

รายงานดังกล่าวยังอธิบายถึงเรื่องความยั่งยืนของนวัตกรรมที่ช่วยให้หัวเว่ยประสบความสำเร็จ ตลอดจนการที่นวัตกรรมของหัวเว่ยนำมาซึ่งคุณค่าทางสังคมขนานใหญ่ และจุดยืนของหัวเว่ยเกี่ยวกับการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สามและของตัวเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image