“ฉลามกระเป๋า” ตัวเล็กๆ หัวทู่ๆ อย่างเช่นในภาพนี้จัดเป็นฉลามที่หายากที่สุดในโลกสายพันธุ์หนึ่ง ไม่มีใครพบตัวจนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาจึงมีผู้พบและจับมาเป็นตัวอย่างได้จากมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกตอนใต้ 1 ตัว และต้องรออีกหลายปีมาก จึงสามารถจับตัวเป็นๆ ได้อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เป็นคู่กับตัวเดิม
ฉลามกระเป๋าตัวใหม่นี้ ทีมเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารมหาสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติ (โนอา) ของสหรัฐอเมริกา จับได้จากอ่าวเม็กซิโก เมื่อปี 2010 นักวิทยาศาสตร์เพิ่งพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นฉลามกระเป๋าจริงเมื่อ
ปี 2015 ที่ผ่านมา และหลังจากที่มีการตรวจสอบวิเคราะห์เพิ่มเติมเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ยืนยันว่ามันเป็นฉลามกระเป๋าคนละสายพันธุ์กันกับตัวแรกที่จับได้ก่อนหน้า
ฉลามกระเป๋าตัวใหม่เป็นเพศผู้ วัดความยาวได้เพียง 14 เซนติเมตร ได้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า โมลลิสควอมา มิสซิสซิปปีเอนซิส (Mollisquama mississippiensis)
หลายคนคิดว่าชื่อ ฉลามกระเป๋า ได้มาจากขนาดของมันที่เล็กชนิดใส่กระเป๋าเสื้อได้สบายๆ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
นักวิทยาศาสตร์เรียกมันอย่างนี้จากลักษณะจำเพาะของมันที่มีช่องเปิดคล้ายกระเป๋าเล็กๆ ใกล้กับครีบอกของมันต่างหาก
ฉลามกระเป๋า มีลักษณะหัวใหญ่ลำตัวเรียวลง โดยส่วนจมูกกว้างกลมเหมือนหลอดไฟ ซึ่งทำให้เมื่อมองจากบางมุมมันเหมือนกับวาฬสเปิร์มย่อส่วนไม่มีผิด
ฉลามกระเป๋าตัวแรกนั้นจับได้เมื่อปี 1979 เป็นเพศเมีย ปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์สัตววิทยา ในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าตัวที่จับได้ใหม่เป็นคนละสายพันธุ์ เนื่องจากมีลักษณะฟันต่างออกไป, กระดูกสันหลังน้อยกว่าตัวในรัสเซีย 10 ข้อ มีโพรงบริเวณกราม กับอวัยวะสร้างแสง ซึ่งกระจายอยู่ทั่วส่วนท้องและหลัง
เฮนรี บาร์ท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ ของมหาวิทยาลัยทูเลน ในรัฐหลุยเซียนา ระบุว่า การค้นพบสัตว์หายากนั้นเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่า ยังคงมีเรื่องอีกมากที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ เพราะฉลามกระเป๋าตัวนี้เป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดีว่า เรารู้เรื่องเกี่ยวกับอ่าวเม็กซิโกและอื่นๆ น้อยมากเพียงใด
โดยเฉพาะในระดับทะเลที่ลึกลงไปซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งแปลกใหม่มหัศจรรย์มากมายนั่นเอง
