“กลุ่มสามารถ” ฟื้นตัว เพิ่มขึ้นทั้งรายได้และกำไร

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์

กลุ่มบริษัทสามารถ ประกาศไตรมาส 2 รายได้รวม 4,420 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 61 โดยธุรกิจไอซีทีมีรายได้รวม 3,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 51 ในขณะที่กลุ่มสามารถดิจิตอล ก็มีผลขาดทุนลดลงและมีรายได้รวม 268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซนต์ ส่วน วันทูวันคอนแทคส์ ซึ่งไปได้สวยหลังประกาศยืน 1 ในธุรกิจคอนแทคส์เซ็นเตอร์ ด้วยรางวัลการันตีความสามารถระดับเอเชีย 7 ปีซ้อน ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท สามารถ ทรานส์โซลูชั่น ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่นที่เน้นลงทุนในธุรกิจการจราจรทางอากาศ ก็จะทำการยื่นไฟล์ลิ่ง แก่ กลต. ในไตรมาส 3 นี้ ปิดท้ายด้วยการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 6 เดือนแรกของปี 62 ประกอบด้วย บมจ. สามารถเทลคอม หุ้นละ 0.20 บาท และ บมจ. วันทูวัน คอนแทคส์ หุ้นละ 0.03 บาท

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 62 บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,420 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 56 ล้านบาท โดยสายธุรกิจ ICT Solution มีรายได้ไตรมาส 2 ถึง 3,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท โดยบริษัทได้ลงนามสัญญาโครงการใหม่รวมมูลค่า 5,793 ล้านบาท ประกอบด้วย งานรับจ้างออกแบบ จัดหา พัฒนา ติดตั้งและดูแลบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจหลักของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โครงการของกระทรวงมหาดไทย รวมถึง บมจ.ทีโอที ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 บริษัทมีมูลค่างานคงค้างรวม 9,274 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ในขณะที่สายธุรกิจดิจิตอล ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตั้งโครงข่ายวิทยุคมนาคมระบบดิจิตอลและเสาโทรคมนาคมในกรมอุทยานแห่งชาติ ก็เริ่มทยอยรับรู้รายได้แล้วและจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสาม

ส่วนธุรกิจ Contact Center โดย บมจ.วันทูวันคอนแทคส์ มีรายได้ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 5 เปอร์เซนต์ ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดราว 27 เปอร์เซนต์ และมีมูลค่างานในมือทั้งสิ้น 828 ล้านบาท มีองค์กรผู้ใช้บริการในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มประกัน กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสายการบิน รวมแล้วกว่า 80 รายในปัจจุบัน

Advertisement

ปิดท้ายที่สายธุรกิจ U-TRANS ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านพลังงานและสาธารณูปโภค มีรายได้รวม 761 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจบริหารและควบคุมการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชาโดย บริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) นอกจากนี้ บริษัทย่อยคือ เทด้า ก็มีผลการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญาโครงการจัดหาและจ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง 115 kV สิงห์บุรี กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มูลค่า 358 ล้านบาท

นายวัฒน์ชัย กล่าวถึงแนวทางในการรุกธุรกิจของกลุ่มสามารถในช่วงครึ่งปีหลังว่า “ เนื่องด้วยรัฐบาลมีนโยบายผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรมและเร่งด่วน ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ย่อมส่งผลดีต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการสื่อสาร คมนาคม ซึ่งกลุ่มสามารถเทลคอมก็เริ่มต้นครึ่งปีหลังได้สวย สามารถชนะประมูลงานสำคัญ อาทิ โครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมทหารกับกองบัญชาการกองทัพไทย มูลค่า 598 ล้านบาท, โครงการจัดหาพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บริเวณสวนสาธารณะ กับกรุงเทพมหานคร มูลค่า 168 ล้านบาท และยังมีงานรอประมูลในครึ่งปีหลังอีกกว่า 9 พันล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 62 จะมีงานในมือมากกว่า 12,000 ล้านบาท ในขณะที่ สายธุรกิจดิจิตอลก็อยู่ในช่วงพลิกฟื้นและทยอยรับรู้รายได้ใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นรายได้ประจำต่อไป ส่วนสายธุรกิจ ยูทรานส์ ก็มีรายได้ประจำที่แข็งแกร่ง จากธุรกิจควบคุมการจราจรทางอากาศในปัจจุบัน โดยล่าสุด คณะกรรมการบริษัทได้ลงมติให้ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น นำบริษัทย่อย คือ บริษัท สามารถ ทรานส์โซลูชั่น จำกัด (STR) ที่เน้นลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจการจราจรทางอากาศ หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการจราจรทางอากาศ เข้าระดมทุนโดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดของ STR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ปัจจุบัน STR ได้ถือหุ้น 100 เปอร์เซนต์ ในบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) และเมื่อ บริษัท สามารถ ทรานส์โซลูชั่น จำกัด แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเปลี่ยนเป็นชื่อ “บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน)”

นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า “การนำบริษัท สามารถ ทรานส์โซลูชั่น จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของกลุ่มสามารถที่จะขยายธุรกิจ รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยี ด้านการจราจรทางอากาศให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดและสร้างโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งไม่เพียงเท่านั้นเรายังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชั่นรอบด้าน โดยผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับกลุ่มสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image