เร่งหาสาเหตุการตาย แมวน้ำอะแลสกา 300 ตัว

(Raime Fronstin/National Park Service via AP)

เมื่อวันที่ 13 กันยายน สำนักข่าวเอพีรายงานถึงอัตราการเสียชีวิตของแมวน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติที่มีอาการขนร่วงตลอดจนเกิดแผลบนผิวหนังเป็นจำนวนเกือบ 300 ตัว ในบริเวณทะเลนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามรายงานจากการประมงในสังกัดองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (โนอา) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา โดยทางนักชีววิทยาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลแห่งสหรัฐยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต

สำนักงานการประมงของโนอาได้รับรายงานถึงจำนวนแมวน้ำที่เสียชีวิตแล้ว 282 ตัว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรายงานที่เคยมีมาโดยเฉลี่ยเกือบห้าเท่าซึ่งประกอบไปด้วย แมวน้ำเครา 85 ตัว, แมวน้ำวงแหวน 66 ตัว, แมวน้ำลายด่าง 40 ตัว และแมวน้ำไม่ระบุประเภท 91 ตัว อีกทั้งยังคาดว่าแมวน้ำจำนวน 657 ตัว ได้รับผลกระทบในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการตายอย่างผิดปกติของแมวน้ำและวอลรัสเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2559 โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่นักชีววิทยาเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของแมวน้ำในปัจจุบันไม่ใช่สาเหตุเดียวกันกับในอดีต

เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา นางจูลี สปีเกิล โฆษกหญิงแห่งเอ็นโอเอเอ เผยว่า “เรากำลังมองหาสาเหตุที่เป็นไปได้ในวงกว้างและพยายามตรวจสอบแยกแยะสิ่งที่เรามองเห็นแล้วเจาะลึกลงไปซึ่งคาดว่าเกิดจากไวรัสแบคทีเรียและสาหร่ายรวมถึงอุณหภูมิน้ำทะเลแบริ่งเหนือและทะเลชุกชีทางตะวันออกติดกับอะแลสกาในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาสูงกว่าปกติถึง 2 เท่า หน่วยงานกำลังตรวจสอบอิทธิพลจากระบบนิเวศที่เป็นไปได้รวมถึงปัญหาน้ำแข็งละลายในทะเลหลังประสบคลื่นร้อน โชคร้ายที่แมวน้ำเสียชีวิตแล้วศพมีสภาพเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วทำให้ยากต่อการสืบหาข้อเท็จจริง” กฎหมายจากรัฐบาลกลางได้กำหนดให้ปัญหาจำนวนแมวน้ำลดลงนี้เป็นการเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญและเร่งดำเนินการสอบสวนโดยด่วนรวมถึงประกาศอนุญาตให้หน่วยงานมุ่งตรวจสอบไปที่ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมรอบตัวแมวน้ำเหล่านี้ เพราะแมวน้ำเคราและแมวน้ำวงแหวนถือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ที่อยู่ในความคุ้มครองจากศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพหลังเกิดปัญหาภาวะคลื่นความร้อนแผ่เข้ามาในดินแดนอะแลสกา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image