“ไวไฟ6” คืออะไร? ดีกว่าเดิมอย่างไร?

อันที่จริงเราคุ้นเคย “ไวไฟ” กันมากว่าเป็นวงเครือข่ายอินเตอร์เน็ต “ไร้สาย” ประจำบ้านที่หลายๆ บ้านใช้งานกันอยู่เป็นประจำ แต่พอบอกว่า “ไวไฟ6” ทุกคนก็มีอึ้งมีงงกันเล็กน้อย เหตุผลเพราะเอาเข้าจริงแล้วทุกคนไม่เคยรู้ว่าแล้ว ไวไฟ 1 จนถึง 5 น่ะมันมีมาตั้งกะเมื่อไหร่กัน

ก็ควรงงกันละครับ เพราะ “ไวไฟ6” ที่เพิ่งพูดถึงกันมากเมื่อไม่นานมานี้นการตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเรียกขานเทคโนโลยี ไวไฟ รุ่นต่างๆ เสียใหม่ให้เรียกกันง่ายขึ้น เข้าใจเห็นภาพกันชัดเจนมากขึ้นกว่าชื่อที่เคยเรียกกันก่อนหน้านี้

ถ้าเรียกขานกันแบบเดิม เทคโนโลยีไวไฟล่าสุดที่เปิดตัวออกในปีนี้อย่าง “ไวไฟ6” ก็ต้องเรียกว่า “802.11.ax” ครับ

ด้วยหลักการเดียวกัน ไวไฟรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง “802.11ac” จึงสามารถเรียกขานตามแบบใหม่ได้ว่าเป็น “ไวไฟ5” นั่นเอง ดังนั้น ไวไฟ1 ที่แท้ก็คือ 802.11b เทคโนโลยีเมื่อปี 1999 ที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครใช้งานกันแล้วละครับ

Advertisement

ก็ดีครับ จำง่ายกว่าเดิมเยอะเลย ที่สำคัญก็คือเข้าใจได้ง่ายกว่าเดิมว่า อันไหนใหม่ อันไหนเก่า ช่วยให้เลือกซื้อเลือกเปลี่ยนได้ง่ายดายมากขึ้น

แล้วก็มาถึงคำถามสำคัญว่า ไวไฟ6 ดีกว่าเดิมอย่างไรกันบ้าง?

เรื่องแรกสุดก็ต้องบอกว่าคือเรื่องของความเร็ว เพราะทุกรุ่นของไวไฟที่เปลี่ยนแปลงไปก็ทำให้ สปีด หรือความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟน กับ เราเตอร์รุ่นใหม่ ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตนำเราไปสู่โลกกว้างเร็วขึ้นกว่าเดิมทุกครั้งไป ดังนั้นถ้าหากเรามี เราเตอร์ ที่มีเทคโนโลยี ไวไฟ6 แล้วเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่รองรับไวไฟ6 เพียงตัวเดียว สปีด ที่ได้ก็ควรจะเพิ่มขึ้นได้สูงสุดมากกว่าการเชื่อมต่อกับ ไวไฟ5 เดิมถึง 40 เปอร์เซ็นต์

Advertisement

ไวไฟ6 ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่าเดิมได้ 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพราะประสิทธิภาพในการเข้ารหัสและถอดรหัสเพิ่มมากกว่าเดิม ทำให้ในคลื่นวิทยุเดียวกันบรรจุข้อมูลที่นำพาไปด้วยได้มากกว่ากันมากนั่นเอง ความสามารถดังกล่าวเกิดขึ้นจากตัวชิปที่ใช้เพื่อเข้ารหัสและถอดรหัสมีพลังมากขึ้นทำงานได้เพิ่มขึ้นมากในเวลาเท่าเดิม

แม้เราจะใช้งานในย่านความถี่เดิมคือ 2.4 GHz สปีดก็จะเพิ่มเร็วขึ้น แต่การที่ไวไฟ6 กำหนดย่านความถี่ออกมาที่ 5GHz นั้นไม่ได้เกี่ยวกับสปีด แต่เพราะต้องการลดคลื่นแทรกจากอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้คลื่นความถี่เดียวกันเป็นหลัก เพราะถึงที่สุดแล้วคลื่น 2.4GHz ก็ยังกระจายสัญญาณผ่านผนังหรืออุปสรรคอื่นๆ ได้ดีกว่า

นอกจากสปีดแล้ว ไวไฟ6 ยังมีฟีเจอร์สำคัญที่เรียกว่า “ทาร์เก็ท เวค ไทม์” (ทีดับเบิลยูที) สามารถกำหนดช่วงเวลาเปิด-ปิดสัญญาณไวไฟของอุปกรณ์ทั้งหลาย อาทิ สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, และอื่นๆ ได้แม่นยำ ผลก็คือทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นสามารถประหยัดแบตเตอรีลงไปได้มาก เพราะปิดการใช้งานไวไฟทันทีที่ไม่มีการเชื่อมต่อได้

คุณสมบัติดังกล่าวนี้สำคัญอย่างมากในการใช้งานกับอุปกรณ์ประเภท อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิง (ไอโอที) ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในบ้านแต่ละหลัง

แต่คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดซึ่งจะทำให้ ไวไฟ6 กลายเป็นเครือข่ายแห่งอนาคตที่สำคัญก็คือ ความสามารถในการเชื่อมต่อสื่อสารกับอุปกรณ์จำนวนมากในพื้นที่แออัด ลองนึกถึงการเชื่อมต่อในสนามกีฬา, ท่าอากาศยาน, โรงแรม, ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ที่ซึ่งเครือข่ายไวไฟทั่วไปจะถูกชะลอช้าลงจนอืดเป็นเรือเกลือ แต่ไวไฟ6 มีเทคโนโลยีใหม่หลายอย่างที่ทำให้สามารถเฉลี่ยสปีดให้กับยูสเซอร์ในเครือข่ายแต่ละรายได้สูงกว่าเดิม “อย่างน้อย 4 เท่าตัว”

สาเหตุที่ทำให้ ไวไฟ6 สามารถทำอย่างนั้นได้ เป็นเพราะมีเทคโนโลยี ที่สามารถแบ่งช่องการสื่อสารกับอุปกรณ์ออกเป็น “ซับแชนเนล” จำนวนมากมายได้ “ซับแชนเนล” เหล่านี้สามารถนำพาข้อมูลไปและกลับสำหรับอุปกรณ์ต่างชนิดกันได้ ทำให้เกิดสิ่งที่นักวิชาการเรียกว่า “ออร์โทโกนัล ฟรีเควนซี ดิวิชัน มัลติเพิล แอคเซส” หรือ “โอเอฟดีเอ็มเอ” ขึ้น

ทำให้ไวไฟ6 สามารถ “พูดคุย” กับอุปกรณ์จำนวนมากได้ในเวลาพร้อมๆ กันนั่นเองครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image