บทความโดย เรย์มอนด์ เอนเดรส รองประธานฝ่ายวิศวกรรมศาสตร์ Messenger
เมื่อครั้งที่ Facebook เปิดตัวแอปพลิเคชั่น Messenger ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2554 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างประสบการณ์การส่งข้อความที่พร้อมไปด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอคอล การส่งภาพเคลื่อนไหว (GIFs) การอัปเดตตำแหน่งและอื่นๆ ผู้คนจึงใช้งานแอปพลิเคชั่นสำหรับส่งข้อความนี้ตลอดทั้งวันเพื่อติดตามเรื่องราวที่พวกเขาสนใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่แพลทฟอร์มนี้ต้องตอบโจทย์ด้านความรวดเร็วและความง่ายดายในการใช้งาน
เพื่อตอบสนองประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น วันนี้ Facebook ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น Messenger เวอร์ชั่นใหม่ สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยแอปโฉมใหม่บนระบบปฏิบัติการ iOS นี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้งานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ง่ายดายขึ้น อีกทั้งยังลดขนาดแอปให้เล็กลงกว่าเดิม โดยจะเปิดให้ดาวน์โหลดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แอปเวอร์ชั่นใหม่นี้สามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า[1] และมีขนาดเพียงแค่ 1 ใน 4 ของเวอร์ชั่นเดิม[2]เท่านั้น
Facebook ได้ตัดสินใจออกแบบ Messenger เวอร์ชั่นใหม่นี้ให้ใช้งานง่ายกว่าเดิมหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัว Messenger 4 ทีมงานภายในของ Facebook ต่างเรียกโปรเจ็กต์ครั้งนี้ว่า Lightspeed เพราะตระหนักดีถึงความสำคัญด้านความรวดเร็วและประสิทธิภาพที่ไว้วางใจได้ ซึ่งมีส่วนช่วยให้บทสทนาระหว่างครอบครัวและเพื่อนๆ ในแต่ละช่วงเวลาของวันไหลลื่น ไม่มีสะดุด ทีมงานจึงได้ลงมือพัฒนาปรับโฉมแอปรุ่นใหม่โดยอ้างอิงจากความต้องการเหล่านี้
ปัจจุบัน แอปพลิเคชั่น Messenger มียอดผู้ใช้งานกว่าหนึ่งพันล้านคน การปรับโฉมแอปพลิเคชั่นสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นนั้นทำได้โดยการลดจำนวนโค้ดหลักของแอป Messenger ลงถึงร้อยละ 84 ซึ่งได้ลดความยาวรหัสต่างๆ ที่ยาวกว่า 1.7 ล้านบรรทัดให้เหลือแค่ 360,000 บรรทัดเท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานที่ซับซ้อนน้อยลง การปรับแอปพลิเคชั่นให้ใช้งานง่ายขึ้นโดยลดจำนวนโค้ดลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสนุกสนานกับแอปที่สามารถตอบสนองได้ไวยิ่งขึ้น ใช้เวลาเปิดแอปน้อยลง ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานระบบ iOS ยังสามารถดาวน์โหลดและ อัปโหลดข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น แม้ใช้งานบนอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือในพื้นที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตช้า
LightSpeed ไม่เพียงแค่ช่วยให้แอปพลิเคชั่นมีขนาดเล็กลง ตอบสนองได้ไวและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยเสริมความมุ่งมั่นของ Facebook ในการมอบประสบกาณ์การส่งข้อความส่วนบุคคลและความสามารถในการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่นอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ Facebook ขยายโอกาสการเติบโตของประสบการณ์การส่งข้อความได้ในอนาคต