อินเทลเปิดแผน ความท้าทายระดับโลก

อินเทลเผยแพร่รายงานความรับผิดชอบขององค์กรประจำปี รายงานดังกล่าวตั้งอยู่บนความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคมของอินเทลตลอดหลายทศวรรษ โดยอธิบายความก้าวหน้าของบริษัทในตลอดทศวรรษที่ผ่านมาด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การคืนน้ำสะอาดปริมาณหลายล้านลูกบาศก์เมตรสู่ชุมชนท้องถิ่น การจ่ายค่าจ้างอย่างเท่าเทียมทุกสถานะเพศแก่พนักงานอินเทลทั่วโลก และหมุดหมายความสำเร็จอื่นอีกมากมาย นอกจากนี้รายงานดังกล่าวยังกำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมายใหม่ในปี 2573 เพื่อความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในทศวรรษหน้า ตั้งแต่การมุ่งคืนน้ำสะอาดในปริมาณมากกว่าที่ใช้งาน การใช้พลังงานสีเขียว 100 เปอร์เซ็นต์ การลดปริมาณขยะในทุกโรงงานผลิตทั่วโลกให้เหลือศูนย์เพื่อหลีกเลี่ยงการฝังกลบ รวมถึงการเพิ่มพนักงานผู้หญิงและกลุ่มคนที่ขาดบทบาทเป็นจำนวนเท่าตัวในระดับตำแหน่งผู้นำอาวุโสขึ้นไป และขยายผลโครงการด้านสิทธิมนุษยชนในเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานของอินเทล

นับเป็นครั้งแรกที่อินเทลได้ระบุเป้าหมายความท้าทายระดับโลกที่ขยายความมุ่งมั่นทั้งในด้านทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ ความครอบคลุมทั่วโลก และด้านอิทธิพลต่อการดำเนินงานทั้งหมดรวมถึงภายนอกองค์กร เพื่อจัดการกับความท้าทายที่จะสามารถบรรลุผลได้ผ่านความร่วมมือกับองค์กรใหญ่อื่นๆ หลากหลายอุตสาหกรรมและในนานาประเทศ

“ณ ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เราต่างเข้าใจดีขึ้นผ่านการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มขึ้น แต่ความท้าทายดังกล่าวยังคงไม่ได้รับการแก้ไขเพราะปราศจากความร่วมมือกัน ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่องว่างและความไม่เท่าเทียมด้านดิจิทัลทั่วโลก ไปจนถึงการระบาดใหญ่ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราทุกคนอย่างใหญ่หลวง ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปได้ก็ต่อเมื่อเราทุกคนร่วมมือกัน” บ็อบ สวอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเทลกล่าว

อินเทลให้คำมั่นสัญญาที่จะประสานงานกับอุตสาหกรรม ภาครัฐ และชุมชนต่างๆ เพื่อจัดการกับความท้าทายระดับโลกทั้งสามประการตลอดทศวรรษหน้าดังนี้

Advertisement

การปฏิวัติสุขภาพและความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี

อินเทลจะทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านสาธารณสุข ชีววิทยาศาสตร์ และภาครัฐเพื่อปรับใช้เทคโนโลยีในการผลิตเชิงกลยุทธ์ การขนส่ง โครงการริเริ่มด้านการดูแลผู้ป่วย การเร่งวิจัยการรักษาโรคและเพิ่มประสิทธิภาพด้านสาธารณสุข รวมไปถึงโครงการริเริ่มด้านเทคโนโลยีเพื่อรับมือโรคระบาดล่าสุดของอินเทล ซึ่งได้นำเทคโนโลยีคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโซลูชั่นเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงมาใช้พัฒนาการวินิจฉัยและรักษาโรคโควิด-19 และเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับโรคระบาดในอนาคต

อินเทลจะนำพาพันธมิตรระดับโลกระหว่างผู้นำต่างๆ ในอุตสาหกรรมให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันด้านมาตรฐานความปลอดภัยของยานพาหนะไร้คนขับ ผ่านการร่วมมือกันในอุตสาหกรรมและภาครัฐในการพัฒนาเทคโนโลยีและมาตรฐานความปลอดภัยรูปแบบใหม่

สร้างเทคโนโลยีที่เปิดกว้างและขยายความพร้อมด้านดิจิทัล

อินเทลวางแผนที่จะทำงานร่วมกับบริษัทอื่นๆ เพื่อเร่งการนำแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่เปิดกว้างทางโอกาสมาปรับใช้ร่วมกันในทุกอุตสาหกรรม โดยการสร้างและปรับใช้ดัชนีความเปิดกว้างทางโอกาสสากล (Global Inclusion Index) ให้ทั้งอุตสาหกรรมสามารถใช้มาตรฐานแบบเปิดนี้ร่วมกัน เพื่อวัดผลความก้าวหน้าในด้านต่างๆ เช่น การส่งเสริมผู้หญิงและกลุ่มคนที่ขาดบทบาทให้ได้ทำงานในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญหรือในระดับสูง เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี และการจ่ายค่าตอบแทนอย่างเท่าเทียม

อินเทลจะร่วมมือกับภาครัฐและชุมชนเพื่อลดช่องว่างและความไม่เท่าเทียมทางดิจิทัล และขยายการเข้าถึงทักษะด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการทำงานในปัจจุบันและอนาคต ตัวอย่างเช่น โครงการปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของอินเทลสำหรับเยาวชน หรือ Intel AI For Youth Program ซึ่งจัดทำหลักสูตร AI และมอบทรัพยากรการเรียนรู้ให้กับโรงเรียนมัธยมปลายกว่า 100,000 แห่ง รวมถึงนักเรียนอาชีวศึกษาใน 10 ประเทศ และจะขยายต่อไปทั่วโลก โดยภายในปี 2573 อินเทลวางแผนจะร่วมมือกับรัฐบาลของ 30 ประเทศ และสถาบันกว่า 30,000 แห่งทั่วโลก อีกทั้งมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้คนกว่า 30 ล้านคน ด้วยการฝึกฝนทักษะด้าน AI

สร้างคอมพิวเตอร์ที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

อินเทลจะทำงานร่วมกับผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) เพื่อสร้างสรรค์คอมพิวเตอร์ที่สามารถประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืนที่สุดในโลก โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอน การใช้ทรัพยากรน้ำ และการเกิดของเสียให้เหลือศูนย์ตลอดกระบวนการออกแบบและการใช้งาน โดยในขณะนี้อินเทลกำลังวางแผนโรดแมปความยั่งยืนในการเปิดใช้งานเทคโนโลยีเซ็นเซอร์เพื่อลดการใช้พลังงาน อีกทั้งร่วมมือกับผู้จำหน่ายวัตถุดิบเพื่อทำบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ และพัฒนาสถาปัตยกรรมประหยัดพลังงานในระยะยาว

อินเทลจะร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและผู้กำหนดนโยบายเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ลดการปล่อยมลพิษในอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบสูง

เทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงหัวใจของความก้าวหน้า แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อประชาคมโลก รัฐบาล และในภาคส่วนต่างๆ ที่ผู้คนต้องพึ่งพาเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ในปัจจุบันและเพื่อวางแผนจัดการกับปัญหาในอนาคต

“อินเทลและพันธมิตรหลายรายในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีมองเห็นโอกาสและการใช้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนา ความคิดสร้างสรรค์ ความเชี่ยวชาญ และอิทธิพลของเรา เพื่อสร้างความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ เหล่านี้ ที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นและเตรียมพร้อมให้เราก้าวทันโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอีกด้วย” นายบ็อบกล่าว “สำหรับอินเทลแล้ว การสร้างเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกและยกระดับชีวิตของทุกคนเป็นจุดประสงค์หลักที่ฝังลึกอยู่ในองค์กรของพวกเราเสมอมา”

ด้วยเครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวางเข้าถึงได้ทั่วโลก เครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง และความร่วมมือเชิง

กลยุทธ์ทั่วทั้งอุตสาหกรรม อินเทลจะยกระดับการผสานความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์นี้เพื่อจัดการกับปัญหาต่างๆ ของโลกปัจจุบัน และสร้างเทคโนโลยีและความร่วมมือที่จะเป็นพื้นฐานในการรับมือกับความท้าทายในวันข้างหน้า

รายงานความรับผิดชอบขององค์กรฉบับล่าสุดของทางอินเทลกล่าวรวมถึงรายละเอียดของกลยุทธ์และเป้าหมายใหม่สำหรับปี 2573 ในการเร่งนำแนวทางปฏิบัติอย่างรับผิดชอบ เปิดกว้าง และยั่งยืน มาปรับใช้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของอินเทล รวมถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของพนักงานอินเทลทั่วโลก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image