แกร็บเผยบริการ “แกร็บมาร์ท” โต5เท่าหลังเปิดให้บริการ3เดือน

แกร็บ ประเทศไทย เผยบริการสั่งซื้อสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ต-ร้านสะดวกซื้อ “แกร็บมาร์ท” (GrabMart) ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บริการ โดยมียอดสั่งซื้อสินค้าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเติบโตขึ้นถึง 5 เท่าภายในระยะเวลา 3 เดือน (เมษายน-มิถุนายน 2563) ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการนิยมสั่งซื้อสินค้ามากที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์ โดยเฉพาะระหว่างเวลา 19.00-22.00 น. โดย 5 อันดับสินค้ายอดนิยมที่มียอดสั่งซื้อสูงที่สุด คือ น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม น้ำแข็ง และอาหารพร้อมทาน

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า หลังชิมลางด้วยการปล่อยฟีเจอร์ “Groceries” เพื่อให้บริการจัดส่งสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และแฮปปี้เฟรช ไปถึงมือผู้บริโภคมาสักระยะ ล่าสุดแกร็บได้เปิดตัวบริการสั่งซื้อสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ต-ร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบภายใต้ชื่อบริการ “แกร็บมาร์ท” (GrabMart) ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคหลังเริ่มทดลองให้บริการมากว่า 3 เดือน โดยการเปิดตัวบริการใหม่นี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ (Business Diversification) เพื่อเติมเต็มให้บริการของแกร็บในประเทศไทยครบวงจรมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบ

“จากข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าผ่านแกร็บมาร์ทในเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา พบว่ามียอดการสั่งซื้อเติบโตเพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน โดย 5 อันดับสินค้ายอดนิยมที่มียอดสั่งซื้อสูงที่สุด ประกอบด้วย น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม น้ำแข็ง และอาหารพร้อมทาน สำหรับช่วงที่ผู้ใช้บริการนิยมสั่งซื้อสินค้ามากที่สุดคือ วันเสาร์และอาทิตย์ โดยเฉพาะในช่วงเวลา 19.00-22.00 น.

โดยลูกค้าส่วนใหญ่ที่นิยมใช้บริการแกร็บมาร์ทคือผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าเพื่อใช้อุปโภคบริโภคในบ้าน แต่ไม่อยากเสียเวลาเข้าคิวเพื่อจับจ่ายหรือต้องการประหยัดเวลาในการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยที่อาจเคยปฏิเสธการใช้เทคโนโลยีเริ่มสนใจและหันมาลองใช้บริการสั่งซื้อสินค้า-อาหารผ่านแอพพลิเคชั่นกันมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ” นางสาวจันต์สุดากล่าวเสริม

Advertisement

ปัจจุบัน บริการแกร็บมาร์ทเปิดให้บริการแล้วในกว่า 50 เมือง 8 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์ เมียนมา และกัมพูชา สำหรับในประเทศไทย แกร็บมาร์ทมีให้บริการแล้วใน 25 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ โคราช ขอนแก่น เป็นต้น โดยได้จับมือกับ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้นำธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตของประเทศไทย เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถสั่งซื้ออาหาร รวมถึงสินค้าที่จำเป็นจาก “แฟมิลี่มาร์ท” ปัจจุบัน แกร็บได้ผนึกพันธมิตรกับผู้ประกอบการร้านค้าเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น “ท็อปส์ มาร์เก็ต” “ท็อปส์ เดลี่” “เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์” และ “แม็กซ์แวลู” รวมไปถึงร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่าง อาทิ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ “เจ กูร์เม่ต์” ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อและทำความสะอาด “เดทตอล” ผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องในเครือ “ซีเล็ค” และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรออร์แกนิค “ออร์แกนิคส์ บัดดี้” เป็นต้น

แกร็บมาร์ทยังได้จำหน่ายผลไม้คุณภาพส่งออก อาทิ ทุเรียนหมอนทอง มังคุด และเงาะ ภายใต้ชื่อ “ตลาดเกษตรกร”หรือ Farmers? Market ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างแกร็บและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในโครงการ “Grab Loves Farmers ช่วยเกษตรกรกันนะ” เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน 10 จุด วางจำหน่ายทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งได้เปิดตัวไปในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image