คอลัมน์ Taste Test : Surface Go 2 LTE แท็บเล็ตเพื่อธุรกิจ ตอบโจทย์การทำงานยุคนิวนอร์มอล
เป็นอีกแท็บเล็ตตัวหนึ่ง ที่เรียกได้ว่า ได้รับความการกล่าวขวัญถึงกันอย่างมาก สำหรับ Surface Go 2 จากไมโครซอฟท์ ซึ่งทางไมโครซอฟท์ได้จับมือกับทางทรู นำเซอร์เฟซ มาให้บริการสำหรับลูกค้าธุรกิจ เปิดเป็นรุ่น Surface Go 2 LTE สำหรับลูกค้าธุรกิจโดยเฉพาะ
สำหรับตัวเครื่องนั้น จะเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว โดยที่ตัวเครื่องจะมีขาตั้งอยู่ที่ด้านหลัง สำหรับกางออกเป็นขาตั้งเครื่อง ตามสไตล์ของเซอร์เฟซ ซึ่งหน้าจอเป็นขนาดที่กำลังพอเหมาะสำหรับการพกพาไปไหนมาไหน ด้วยน้ำหนักอยู่ที่ประมาณครึ่งกิโลกรัมกว่าๆ แต่น้ำหนักนี้ยังไม่รวมคีย์บอร์ดแต่อย่างใด
พอจะใช้ ก็กางออกมา ยิ่งเมื่อต่อกับคีย์บอร์ด ก็เหมือนได้โน้ตบุ๊กทำงานเครื่องหนึ่ง เวลาไปไหนมาไหน แล้วอยากจะหยิบขึ้นมาใช้เพื่อพิมพ์งาน ก็กางเครื่องออกมาได้เลย พร้อมกับคีย์บอร์ดที่ให้มา โดยตัวคีย์บอร์ดนั้น พิมพ์ได้คล่องเหมือนกับคีย์บอร์ดทั่วๆ ไป และยังมีเมาส์แพดมาให้ใช้งานอีกด้วย พร้อมกับไฟส่องสว่างบนคีย์บอร์ด เพื่อความสะดวกในการใช้งานในที่มืด หรือถ้าไม่ได้ต้องการใช้คีย์บอร์ด จะใช้งานแค่ตัวแท็บเล็ตก็ยังได้ สบายๆ
รุ่นนี้ใช้ โปรเซสเซอร์ Intel Core m3 เจนเนอเรชั่น 8 ส่วนแรม มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 4GB กับ 8GB และระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ที่ช่วยทำให้การทำงานในระดับองค์กรลื่นไหล และมีความปลอดภัยมากขึ้น มาพร้อมกับการยืนยันตัวตน ผ่าน Windows Hello
ยิ่งถ้าได้ใช้กับปากกาอัจฉริยะ ก็จะยิ่งทำให้การทำงานต่างๆ สะดวกมากขึ้น ด้วยการขีดๆ เขียนๆ ที่ทำให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น
สำหรับกล้องก็มีให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเครื่อง โดยด้านหน้าเป็นกล้อง 5 ล้านพิกเซล พร้อมวิดีโอ Skype HD 1080p ส่วนกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ระบบเสียงเป็นสเตอริโอ 2W Dolby Audio เรียกได้ว่า หลังจากใช้เพื่อการทำงานแล้ว ก็สามารถใช้เพื่อความบันเทิงได้เป็นอย่างดีด้วย
ส่วนพอร์ตต่างๆ ที่มีให้มา ก็เป็น พอร์ต C 1 ช่อง มีช่องสำหรับเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วย ขณะที่แบตเตอรี่ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานถึง 10 ชั่วโมง เชื่อมต่อได้ทั้งไวไฟ และสามารถใส่ซิมการ์ดได้ด้วย เพื่อไว้สำหรับการทำงานนอกสถานที่ได้ทุกที่ทุกเวลา แบบไม่ต้องคอยพึ่งพาไวไฟสาธารณะ
แน่นอนว่า ทางทรูมูฟ เอช ก็ได้จัดแพคเกจสำหรับ Surface Go 2 LTE ให้ไว้สำหรับผู้ใช้งานได้ใช้อินเตอร์เน็ตกันแบบไม่อั้น
และเพื่อการใช้งานได้อย่างคล่องตัว ในแพคเกจจากทรูมูฟ เอช นี้ ก็จะมีทั้งคีย์บอร์ด และปากกา มาให้ในชุดแบบครบครัน
พร้อมแพคเกจที่ให้ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน และไม่ต้องจ่ายเงินค่าบริการล่วงหน้า เริ่มต้นจ่ายแค่เดือนละ 2 พันกว่าบาท จ่ายไปประมาณ 2 ปี แต่ตอนนี้ คงต้องเช็กแพคเกจอีกทีว่ายังเป็นแพคเกจนี้อยู่หรือเปล่า
เพื่อเสริมความมั่นใจ สำหรับลูกค้าองค์กร ก็สามารถเลือกซื้อประกันเครื่องจากอุบัติเหตุ และ Microsoft Endpoint Manager โปรแกรมจํากัดการเข้าถึงเฉพาะแอพพลิเคชั่นที่พนักงานต้องใช้งานทำงาน เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการดูแลรักษาอุปกรณ์นอกสถานที่ พร้อมบริการหลังการขาย เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างไม่สะดุด ด้วยระยะเวลาการส่งซ่อมที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นสำหรับลูกค้าทั่วไป
โดยรวมถือเมื่อนับรวมกับแพคเกจที่ทางทรูมูฟ เอช ให้มา ก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา กับการใช้งานเครื่องที่ให้อุปกรณ์เสริมมาครบเซต ไม่ต้องไปหาซื้อมาเพิ่มให้ยุ่งยาก แถมยังได้โปรเน็ตดีๆ ของทรูมูฟ เอช อีกต่างหาก
