สัญญาณเตือนโลกร้อน เมื่อแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่แตก

AFP PHOTO / NASA

ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา พบว่า หนึ่งในแผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แตกออกจากคาบสมุทรแอนตาร์กติกหรือขั้วโลกใต้แล้ว และตอนนี้ก็ได้ลอยไปตามทะเลเวดเดลล์

โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากสวอนซีและสำนักสำรวจแอนตาร์ติกอังกฤษระบุว่า แผ่นน้ำแข็งดังกล่าว ซึ่งมีน้ำหนักมากถึงราว 1 ล้านล้านตัน มีเนื้อที่ประมาณ 5,800 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในแผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แตกออกมาจากหิ้งน้ำแข็ง ลาร์เซน ซี ของคาบสมุทรแอนตาร์กติกเมื่อราววันที่ 10-12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำทะเลแต่อย่างใด

ทั้งนี้ แผ่นน้ำแข็งดังกล่าวมีขนาดพอๆ กับรัฐเดลาแวร์ของสหรัฐอเมริกา หรือเกาะบาหลีของประเทศอินโดนีเซีย อยู่ในสภาพที่ใกล้จะแตกออกจากออกตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน และตลอดช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษากระบวนแตกร้าวของแผ่นน้ำแข็งโดยอาศัยข้อมูลจากดาวเทียมของสำนักงานอวกาศยุโรป (อีเอสเอ)

เอเดรียน ลัคแมน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยสวอนซี และหัวหน้าทีมตรวจสอบโครงการไมดาส ซึ่งเป็นโครงการเฝ้าสังเกตการณ์หิ้งน้ำแข็งมานานหลายปี เปิดเผยว่า แผ่นน้ำแข็งดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และยากต่อการคาดเดาว่าจะเกิดกระบวนการอะไรขึ้นต่อไปในอนาคต โดยแผ่นน้ำแข็งดังกล่าวก็ยังคงเป็นแผ่นน้ำแข็งผืนเดียว แต่มีความเป็นไปได้ที่จะแตกออกอีก และน้ำแข็งบางส่วนจะยังคงอยู่ในพื้นที่ไปอีกหลายสิบปี ขณะที่บางส่วนของแผ่นน้ำแข็งก็อาจจะลอยไปทางตอนเหนือไปยังเขตน้ำที่อุ่นกว่า

Advertisement

โดยแผ่นน้ำแข็งดังกล่าวชื่อว่า “เอ68” ได้ลอยออกไปก่อนที่จะแตกออก ดังนั้นจึงยังไม่มีผลกระทบต่อระดับน้ำทะเล แต่ทำให้พื้นที่ของหิ้งน้ำแข็ง ลาร์เซน ซี มีพื้นที่ลดลงไปกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ โดยหิ้งน้ำแข็งลาร์เซน เอ และบี ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของคาบสมุทรแอนตาร์กติก ได้พังลงตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 และ 2002 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม การแตกของแผ่นน้ำแข็งถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ขณะที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น หากแต่ภาวะโลกร้อนน้ำได้ทำให้น้ำแข็งละลายเร็วมากขึ้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนก็เชื่อว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นทั้งในอากาศและในมหาสมุทรมีส่วนทำให้แผ่นน้ำแข็งแตกออกจากคาบสมุทรแอนตาร์กติก

ถือเป็นสัญญาณเตือนจากธรรมชาติ ที่ให้ผู้คนหันมาตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนกันอีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image