ปัญหาการจราจรที่เข้าขั้นวิกฤติและที่จอดรถที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ อันเนื่องมาจากจำนวนรถบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ที่มีมากกว่า 5.8 ล้านคัน และปริมาณที่จอดรถที่มีอย่างจำกัด สิ่งเหล่านี้นอกจากจะสร้างภาวะถดถอยให้กับสุขภาพจิตของคนขับรถแล้ว ยังส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ และก่อเกิดเป็นมลพิษก้อนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม ผลวิจัยล่าสุดที่ Uber เปิดเผยร่วมกับ Boston Consulting Group แสดงให้เห็นถึงต้นทุนของโอกาสและเวลาที่คนขับรถต้องสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.5 แสนบาทต่อคนต่อปี “Driver Destination” จึงกลายทางเลือกแรกที่เราเชื่อว่าจะสามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ในระยะยาว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บริการร่วมเดินทาง”
วันนี้ผู้ร่วมขับสามารถใช้ฟีเจอร์ Driver Destination ระบุตำแหน่งจุดหมายปลายทางที่กำลังจะเดินทางไปได้แล้ว โดยระบบจะค้นหาและเชื่อมต่อการเดินทางกับบุคคลอื่นที่จะไปในเส้นทางเดียวกับคุณ แน่นอนมันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากๆ เพราะฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ทริปการเดินทางของคุณในแต่ละวันสะดวกสบายขึ้น พร้อมกับให้คุณใช้รถได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ฟีเจอร์ Driver Destination ใช้งานอย่างไร?
- เลือกจุดหมายปลายทาง
เปิดแอพ Uber Driver app (แอพของผู้ร่วมขับ) และเลือกใช้ฟีเจอร์นี้กำหนดเส้นทางการเดินทาง เวลาที่ต้องการรับผู้โดยสารที่ไปทางเดียวกันกับเราในเส้นทางเดียวกัน
- ค้นหาผู้ร่วมทางที่อยู่ใกล้และจะไปในเส้นทางเดียวกัน
เพียงแค่ขับไปเรื่อยๆ บนเส้นทางที่คุณกำหนดบนแอพ Uber จะทำการเลือกผู้ร่วมเดินทางที่ต้องการไปทางเดียวกันกับคุณตลอดเส้นทาง
3 สร้างรายได้เสริมระหว่างการเดินทาง
ไม่ว่าจะกำลังเดินทางกลับบ้านช่วงเลิกงาน หรือ ออกไปทำธุระในตัวเมือง ตอนนี้ทุกทริปการเดินทางสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณ
กำหนดจุดหมายปลายทางอย่างไร?
มี 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- เปิดระบบ แตะที่ไอคอน เมนู ที่อยู่มุมบนสุดของหน้าแอพ
- แตะที่ “SET A DESTINATION”
- เลือกสถานที่ที่บันทึกไว้ หรือเลือก ค้นหาสถานที่ใหม่
เพิ่มเติม:
- คุณสามารถกำหนดจุดหมายปลายทางขณะที่อยู่ระหว่างการเดินทางได้ด้วย
ไม่ใช่ผู้โดยสารทุกคนที่จะใช้เส้นทางเดียวกับคุณ จึงอาจจะต้องรอนานขึ้นจากการเรียก
บทความประชาสัมพันธ์ Uber ประเทศไทย