สมัยโบราณคนจะกลัวมากเมื่อ “ห่าระบาด”
ประวัติศาสตร์ “ห่า” เริ่มต้นที่ประเทศจีน จากนั้นเรือสำเภาบรรทุกสินค้าก็นำพา “หนู” ตัวน้อยๆ พร้อมกับเชื้อร้ายแพร่ลุกลามไปทั่วโลกคร่าชีวิตมนุษยชาติหลายสิบล้านคน
ตามประวัติศาสตร์ไทยว่า พระเจ้าอู่ทอง ถึงกับต้องย้ายเมืองหนีห่ามาตั้งราชธานีที่กรุงศรีฯในปี พ.ศ.1893
แต่ “ห่า” ตามความเดิมที่หมายถึง กาฬโรค ที่มากับหนูนั้น เปลี่ยนไปเมื่อเกิดโรคระบาดขึ้นอีกหลายครั้งตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงรัตนโกสินทร์
“ห่า” มีความหมายกว้างขึ้นหมายความถึง โรคระบาดที่อันตรายร้ายแรงถึงตาย ซึ่งในบางช่วงก็เป็นกาฬโรค บางช่วงเป็น “อหิวาตกโรค” และบางช่วงเป็น “ไข้ทรพิษ”
ปัจจุบันมนุษย์แทบจะเอาชนะโรคระบาดพวกนั้นได้อย่างเบ็ดเสร็จ
แต่มี “ห่า” ชนิดใหม่ระบาดในยุคที่เทคโนโลยีสื่อสารมีอิทธิพลตั้งแต่ลืมตาตื่น จนหลับตาตาย !!
นั่นคือการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กทำลายล้างกันอย่างเสียสติ โดยมี “ผู้จุดไฟเกลียดชัง” โพสต์นำ จากนั้นอารมณ์ความรู้สึกด้านมืดก็จะระบาดไหลลามอย่างรวดเร็วเฉกเช่น “ห่าลง”
ถึงขั้นก้าวข้ามจาก “เฮทสปีด” หรือใช้วาจาสร้างความเกลียดชังไปสู่ “การยุยงให้ประทุษร้าย” ใช้กำลังทำร้ายแม้แต่กับคนที่ไม่เคยมีความโกรธเคืองบาดหมางกันมาก่อน
a_adisorn โพสต์ “ดักตบอีช่อ ช่อง Arrival วิธีเอาชนะความเกลียดแบบอยู่หมัด…”
“ทาทายัง” นักร้องชื่อดัง เจ้าของ Account Instagram ชื่อ “tataamitayoung” โพสต์ต่อท้ายทันทีว่า “รบกวนด้วยค่ะ”
สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด จึงถาม “ทาทายัง”
“ผมไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ทาทายัง มีความไม่พอใจเรื่องอะไรต่อคุณช่อ ถึงกับแสดงท่าทีเยี่ยงนี้ออกมาในที่สาธารณะได้ถึงขนาดนี้”
ไม่เพียงถ้อยคำรุนแรง ดูถูกหมิ่นหยาม กระทั่งการใส่ร้ายทำลาย ดังเช่นคำว่า “หนักแผ่นดิน” ล้วนแต่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น
หนักยิ่งขึ้นไป คำว่า “ดักตบอีช่อ ช่อง Arrival” นั้นนับเป็นการแจ้งประกาศผ่านทางสื่อโซเชียลฯชักชวนผู้คนให้ไปดักทำร้ายร่างกาย น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่
พฤติการณ์เป็น “ภัยสาธารณะ” ที่เจ้าพนักงานควรจะดำเนินคดี
ก่อนที่ผู้คนทั่วไปจะเข้าใจว่า การใช้โซเชียลป่าวประกาศชักชวนผู้คนไปถล่มกันเป็นเรื่องเท่ที่ทำได้ !?!!