ไทยเราเป็นประเทศที่เสียบอยู่ระหว่างกลางของอินโดจีน จึงปลอดภัยจากภัยธรรมชาติทั้งจากฟากตะวันออกและตะวันตก
จำนวนประชากรก็มีไม่มากเกินไป นอกจากในเมืองหลวงแล้วก็ไม่แออัด วัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนอุปนิสัยใจคอคนไทยก็ร่าเริง แจ่มใส โอบอ้อมอารี ยิ้มง่าย มีสไตล์ชีวิตสบายๆ ไม่เคร่งขรึมจริงจังนัก
ถ้าสามารถกำจัดจุดอ่อนบางข้อได้ “ไทย” จะเป็นประเทศที่เจริญและน่าอยู่อาศัยทั้งในทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม
1 ในจุดอ่อนของไทย คือการเมือง
การเมืองไทยล้าหลัง ด้วยเหตุที่มีการแย่งชิงอำนาจฝ่ายบริหารกันด้วยกำลังทหารและอาวุธบ่อยครั้ง จนผู้คนสับสนกับคำว่า “ประชาธิปไตย” ถึงขั้นบางพวกบัญญัติคำว่า “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” ขึ้นกลายเป็นตัวตลกของโลก
ด้วยความที่ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง และไม่ยอมพัฒนาตัวเอง ทำให้มี “ทัศนคติที่ผิดๆ” เกี่ยวกับการเมือง เช่น จิตใจคับแคบ รับไม่ได้กับคิดต่างทางการเมือง นำไปปะปนกับหน้าตา ศักดิ์ศรี จนเลยเถิดไปถึงขั้นใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นว่า “ชังชาติ” หรือขับไล่ให้ไปอยู่ประเทศอื่น ทั้งที่ผู้นั้นไม่มีสิทธิอันใดเลยที่จะเนรเทศคนไทยให้ไปอยู่ประเทศอื่น
น่าเสียดายที่ด้านการเมืองยังล้าหลังกับยังนิยมวิธีการป่าเถื่อนช่วงชิงอำนาจ
ถ้าเทียบกับสหรัฐอเมริกาซึ่งใหญ่มากทั้งพื้นที่และประชากร ถึงแม้ความเป็นมหาอำนาจนั้นจะมีบางด้านที่หลายคนรับไม่ได้
แต่ในแง่การเมือง “อเมริกา” ไม่เคยมีรัฐประหาร
ประธานาธิบดีอเมริกาถูกด่าถูกดูแคลนหมิ่นหยามได้
คนอเมริกาแฉประเทศอเมริกา และด่าผู้นำได้โดยไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง !
ดังตัวอย่าง เมื่อ 2 ปีก่อน นางทุลซี่ แกบบาร์ด สมาชิกสภาผู้แทนจากรัฐฮาวาย เดินทางไปซีเรียอย่างลับๆ พอกลับมาก็ให้สัมภาษณ์แฉกับซีเอ็นเอ็นว่า “มีหลักฐานว่ารัฐบาลโอบามาให้เงินสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้ายไอซิสและอัลกออิดะห์” (ที่โจมตีสหรัฐอเมริกาในเหตุการณ์ 9/11)
ไม่เห็นมีใครออกมาไล่ “แกบบาร์ด” ให้ไปอยู่ซีเรีย
หรือไล่โอบามาให้ไปอยู่กับอัลกออิดะห์
ไม่มีใครชี้หน้าแกบบาร์ดว่าเป็น “พวกชังชาติ”
ทั้งในวันนี้ “แกบบาร์ด” ยังกลายเป็น 1 ใน10 ที่ลุกขึ้นมาท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือน พ.ย.2020 นี้ !?!!
