กล่าวได้ว่าการจัดกิจกรรมของ “เอเชีย โซไซตี้” คราวนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
การที่ทอดสะพานเรียนเชิญผู้นำประเทศสักคนไปร่วมรับประทานอาหารกับผู้บริหารองค์กร และเมื่ออิ่มหนำแล้วก็เปิดให้พูดอะไรต่อมิอะไรโดยเรียกว่า “ปาฐกถา” นั้นดูไปก็คล้ายเป็นเกียรติ
ถ้าคุณเก่งพอหรือแน่จริง อาจสามารถใช้เวทีนั้นทำให้ชาวโลกอึ้ง ทึ่ง เสียวทางปัญญาได้
แต่ในทางกลับกัน เวทีนั้นก็อาจกลายเป็น “ลานประหาร” !
คนทั้งโลกจะได้รู้ได้เห็นว่าในสมองของผู้นำคนหนึ่งมีอะไรอยู่บ้าง
เวทีโลกไม่ได้เรียบง่าย !
เมื่อก้าวพลาดก็เท่ากับเปลือยล่อนจ้อนให้ผู้คนทั่วโลกได้สัมผัส
“ประยุทธ์” ผู้มีท่วงท่าโอ่อ่าอหังการบนเวทีที่เอเชีย โซไซตี้ จัดให้ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันนั้นเป็นเช่นไรสุดที่จะบรรยาย
ไม่เพียงแต่ผู้ฟัง ณ ที่แห่งนั้นจะอึ้ง ทึ่ง เสียว
ในประเทศไทยผู้คนก็กำลังรอฟังว่า ท่านผู้นำจะหยิบเอาจุดแข็งเหลี่ยมใดด้านไหนของประเทศไปประกาศให้โลกรับทราบเพิ่มพูนเกียรติภูมิให้กับประเทศชาติ
แต่ความจริงมีอยู่ว่า ชนชั้นสูงผู้ฝักใฝ่อำนาจในสังคมไทยนั้นมักนิยมใช้ “หมอดู” เพื่อที่จะ “เชื่อฟัง” มากกว่าสนใจศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลมาพัฒนาตนพัฒนางานให้ทันสมัย
การหาฤกษ์พานาทีปฏิวัติรัฐประหารแย่งชิงอำนาจจากผู้อื่นก็ใช้โหรการเมือง !
ทำไม เมื่อไปเปิดหน้าเปิดใจกับชาวโลกถึงไม่ชื่นชม ยกย่อง ให้เกียรติกับ “หมอดู” ผู้ชี้นำทางชีวิตและการทำงาน
ทำไม “ประยุทธ์” ถึงได้เห็น “กูเกิล” สำคัญถึงกับตำหนิคนไทยว่า
“วันนี้อยากรู้อะไรก็เปิดดูจากเว็บไซต์กูเกิล อยากจะรู้เรื่องอะไรก็กด…พวกเรานักบริหารจะเปิดกูเกิลเป็นส่วนใหญ่ ประชาชนไม่ค่อยเปิดนั่นแหละ ทำให้ปัญหามันเกิดขึ้น เพราะเขาไม่เรียนรู้ไง”
“ประยุทธ” คงจะไม่รู้จริงๆ ว่า กูเกิลเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 20 ปี ซึ่งตอนนั้นประยุทธ์ยังเป็นนายทหารบกที่มีตำแหน่งเล็กๆ
การยึดอำนาจปกครองประเทศเมื่อ 22 พ.ค.2557 ทำให้พัฒนาการด้านตำแหน่งหน้าที่และความรับผิดชอบของประยุทธ์ก้าวกระโดด
เพิ่งจะออกมาวิ่งไล่ตามโลก
จึงภูมิใจที่ได้เปิดใช้กูเกิล
วาระต่อไป ยินดีต้อนรับสู่โลกทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และยูทูบ !?!!