เหยี่ยวถลาลม : สองพ่อลูก

“ปารีณา ไกรคุปต์” อาจจะนึกไปไม่ถึงว่า ความกล้าจะนำภัยมา

ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.กับการให้สัมภาษณ์กับสื่อ “ปารีณา” เปิดเผยตลอดมาว่า ที่ดิน 1,706 ไร่ ที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี นั้นเป็น “ทรัพย์สิน” ที่ครอบครองมาเนิ่นนาน

“ปารีณา” ใช้พื้นที่นั้นทำฟาร์มเลี้ยงไก่มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547

มิใช่ “ปารีณา” ได้แต่พูด หากมีเอกสารยืนยันได้หมดว่า ครอบครองพื้นที่และทำประโยชน์มาตั้งแต่ปี 2547 จริงๆ ทั้งยังมีเอกสารราชการที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช.อีกทาง เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ

Advertisement

สอดคล้องต้องกันกับ “ทวี ไกรคุปต์” ผู้เป็นพ่อ ที่ได้แจ้งกับทางรัฐสภาเอาไว้ว่าได้ครอบครองที่ดินผืนนั้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2489

ข้อมูลของ “สองพ่อลูก” ที่เปิดเผยต่อสาธารณะจึงมากมายพอที่จะอธิบายว่า ที่ดินกว่า 1,700 ไร่ จำนวนหลายแปลงผืนนั้น มี “เจ้าของ”

และประเด็นที่ว่า ใครเป็นเจ้าของที่ดินกว่า 1,700 ไร่นั้นก็สิ้นสงสัย เพราะทั้ง “ปารีณา” และ “ทวี” ผู้เป็นพ่อร่วมกันประกาศ “เจตนา” ทั้งผ่านสื่อและแจ้งเอาไว้ในรายการบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นกับ ป.ป.ช.ว่าเป็นของ “ปารีณา ไกรคุปต์”

Advertisement

แต่ “ปัญหา” เกิดขึ้นว่า ที่ดินซึ่ง “ปารีณา” ใช้ทำฟาร์มไก่นั้นถูกอธิบดีกรมป่าไม้ยืนยันว่า “เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี”

นั่นหมายความว่า “ทรัพย์สิน” ที่ดินที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ของ “ปารีณา” เป็นที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอันเกิดจากการบุกเข้ายึดครองทรัพยากรธรรมชาติ เข้าข่ายมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ปปง. ซึ่งจะนำไปสู่การยึดทรัพย์
อาจรู้สึกว่า “วาสนา” คนเราไม่เท่ากัน

“ปารีณา” กับ “ทวี” นั้นแสดง “เจตนา” ชัดแจ้งด้วยการเปิดเผยตลอดมาว่า เป็นเจ้าของตัวจริง ครอบครองที่ดินกว่า 1,700 ไร่ที่อ้างว่าถือครองมาตั้งแต่ พ.ศ.2489 ประกอบกิจการฟาร์มไก่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547

จึงพลิ้วไปไหนไม่ได้

ต่างกับกรณี “นาฬิกาหรู” อย่างสิ้นเชิง ที่ไม่แสดงเจตนา “ความเป็นเจ้าของ”

ผลในบั้นปลายจึงอาจออกมาต่างกัน

“นาฬิกาหรู” เป็นของเพื่อน ยืมเพื่อนมาได้

แต่ที่ดินกว่า 1,700 ไร่ หลายแปลงนี้จะเป็นอื่นไปได้อย่างไร ในเมื่อทั้ง “ปารีณา” และ “ทวี” สองพ่อลูกต่างยืนยันความเป็นเจ้าของอย่างหนักแน่น และครอบครองใช้ทำประโยชน์อย่างเปิดเผย !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image