ดำรงค์ พิเดช “ป่าไม้เอี้ยง” คนดัง อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และหัวหน้าพรรค “ทวงคืนผืนป่าประเทศไทย” หรือที่เปลี่ยนชื่อเป็น “พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย” ซึ่งช่ำชองเก่งกาจทั้งทางทฤษฎีและภาคปฏิบัติการอุตส่าห์ชี้แนะทางออกแก่ “ปารีณา” ว่า ให้ออกมาขอโทษประชาชนสังคมไทยยังให้อภัย
แต่คาดไม่ถึงใช่หรือไม่ว่า “ปารีณา” จะฮึกเหิมห้าวหาญคึกคักอักโขกว่าที่คิด
ไม่เพียงไม่ขอโทษกับกรณีคณะทำงานของกรมป่าไม้และ ส.ป.ก.เข้าตรวจสอบที่ดินและสรุปว่า “รุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ” กับ “พื้นที่ของกรมป่าไม้” อันเป็นความผิดอาญา “ปารีณา” ยังปฏิบัติการรุกด้วยการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุก
“เจ้าพนักงาน” ผู้มีอำนาจและหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แทนที่จะเป็น “ฝ่ายกล่าวหา” กลับกลายเป็นฝ่าย “ถูกกล่าวหา” ซึ่งจะต้อง “แก้ข้อกล่าวหา” ฐานผู้บุกรุก
ปารีณาประกาศชัดแจ้งว่า “ที่นี่มีเจ้าของ” !
ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ “ปารีณา” แจ้งเอาไว้กับ ป.ป.ช.ก็เป็นที่ชัดแจ้งว่า ที่ดิน 1,706 ไร่ ซึ่ง
ส่วนหนึ่งเป็นที่ตั้งฟาร์มไก่ เขาสน 1 และเขาสน 2 นั้น “ปารีณา” เป็นเจ้าของ
“ทวี ไกรคุปต์” ผู้เป็นพ่อก็ยืนยันลูกสาวเป็นเกษตรกร เป็นเจ้าของที่ดิน เป็นเจ้าของฟาร์มไก่
การแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จึงเป็นการยืนยันว่า ที่ปารีณาแจ้งบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช.นั้นเป็นความจริง ไม่ใช่ความเท็จ
ที่ปารีณารอคอยจึงไม่ใช่หมายค้นหรือหมายเรียกไปพบพนักงานสอบสวนในฐานะ “ผู้ถูกกล่าวหา” ฐานบุกรุกยึดครองป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ของกรมป่าไม้ ตามที่นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เคยบอกว่า เป็นความผิดทางอาญา
แต่ปารีณารอคอย “ปาฏิหาริย์รังวัด” !
ถึงแม้ “ป่าไม้เอี้ยง” ผู้คร่ำหวอดจะว่า ให้รังวัดสักร้อยครั้งก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ “ปารีณา” ก็เลือกที่จะเชื่อคำสั่งของ ฯพณฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรฯ ที่สั่งให้รังวัดใหม่
“ธรรมนัส” ว่าที่เจ้าพนักงานป่าไม้กับ ส.ป.ก.เข้าไปทำหนแรกนั้นเป็นการ “รังวัดหยาบ”
ชวนให้ติดตามดูกันต่อไปด้วยใจระทึกว่า “รังวัดละเอียด” ตามแบบฉบับของ ฯพณฯ นั้นหน้าตาจะเป็นอย่างไรและใครจะติดคุกกันบ้าง !?!!