ก่อนหน้านี้มีคนจำนวนหนึ่งออกเดินสายไปจัดกิจกรรมในทำนองว่าให้ความรู้เกี่ยวกับกิจการบ้านเมือง แต่เนื้อหา “ปลุกระดม”
น่าแปลกที่กลไกรัฐซึ่งชอบใช้นามว่า “ฝ่ายความมั่นคง” มักจะนิ่งเฉยเมื่อฝ่ายเชียร์นาย “จุดไฟความเกลียดชัง”
ฝ่ายที่อ้างว่าทำงานด้านความมั่นคงสมัยนี้ฟั่นเฟือนสับสนถึงขั้นแยกไม่ออกระหว่างตัวบุคคลกับประเทศชาติ
คล้ายๆ กับยุคที่ปลุกผีคอมมิวนิสต์ นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเผด็จการทหาร คนรุ่นใหม่ หรือใครก็ตามที่มีความคิดอ่านผิดแผกแตกต่างออกไปจะต้องถูกใส่ร้ายป้ายสีให้ประหนึ่งเป็นภูติผี “คอมมิวนิสต์” เป็นปีศาจร้าย น่าสะพรึงกลัว ไม่มีศาสนา ฆ่ากระทั่งพ่อแม่
ปลุกผู้คนให้เกลียดชังลุกขึ้นมาทำลาย กระทั่งภิกษุสงฆ์บางรูปประกาศแก่พุทธศาสนิกชนว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป”
กว่าจะมาเห็นกันแจ่มแจ้งในวันนี้ กี่ศพไทยต้องสังเวย !
ความแตกต่างทางความคิด ทางความเชื่อ ทางศาสนา ทางชาติพันธุ์ ไม่ใช่การก่ออาชญากรรม
ที่ก่ออาชญากรรมคือรัฐเผด็จการ !
ล่วงผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ยังจะมีกลุ่มคนที่เป็น “นักจุดไฟ”
คนกลุ่มหนึ่งออกเดินสายทำทีเป็นจัดกิจกรรม “ให้ความรู้” แต่เนื้อแท้คือ ปลุกระดม
เมื่อฝ่ายหนึ่งจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” อีกฝ่ายไม่ต้องคิดริเริ่มสร้างสรรค์อะไร ชวนกันจัดกิจกรรมที่เรียกว่า “วิ่ง/เดิน เชียร์ลุง”
ก่อนหน้านี้นิด้าโพลเคยทำแบบสำรวจเพื่อเทียบฟอร์มพบว่า
ร้อยละ 40.86 เห็นด้วยมากกับ “วิ่งไล่ลุง” และร้อยละ 12 ไม่ค่อยเห็นด้วย
ส่วน “วิ่ง/เดิน เชียร์ลุง” มีคนเห็นด้วยมากร้อยละ 18.9 และร้อยละ 17.65 ไม่ค่อยเห็นด้วย
ระหว่างที่มีคนสนใจเข้าร่วมกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ราว 3 หมื่นคน กิจกรรม “วิ่ง/เดินเชียร์ลุง” มีคนประสงค์เข้าร่วม 3 พันคน
ต่างกันชนิดฟ้าดิน !
แต่ไม่ดีแน่ ถ้าฝ่ายหนึ่งเอามาเป็นประเด็นจุดไฟความเกลียดชังด้วยสมการว่า
“คนรักลุง = รักชาติ รักสถาบัน
ไล่ลุง = ชังชาติ”
ทุกคนรักตัวเอง สามารถแสดงความรักพวกพ้องพี่น้องเครือญาติได้อย่างเสรี
ไม่ควรจะอวดอ้างเอาดีใส่ตัว ใส่ร้ายป้ายสี ปลุกระดม จุดไฟทำลายผู้อื่น !?!!