เหยี่ยวถลาลม : ไม่ลืมหูลืมตา

วันก่อน เมื่อครั้งที่ พระธัมมชโย ถูกกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน รับของโจร และหลบเร้นไปไร้ร่องรอย นายไพบูลย์ นิติตะวัน บอกว่า “ธัมมชโยนี่ ปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ”

มาวันนี้ พระพุทธะอิสระ ถูกดำเนินคดีอาญา ด้วยข้อหายาวเป็นหางว่าว โทษรวมกันแล้วหนักหนาสาหัส ทั้งยังมีคดี “ปลอมและใช้พระปรมาภิไธย” เมื่อศาลไม่ให้ประกันตัว ก็ต้องปลดเปลื้องผ้าเหลือง เดินเข้า “เรือนจำ” ในฐานะ “ผู้ต้องขัง”

ไพบูลย์ นิติตะวัน คนเดียวกัน กลับบอกว่า “พระพุทธะอิสระยังเป็นพระ ไม่ปาราชิก”

ส่วน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็คอมเมนต์น่าสนใจว่า

Advertisement

“กรณีพระพุทธะอิสระนั้น ทางกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหาไม่มีความผิด”

“พุทธอิสระ” หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ คงจะชื่นใจ

แต่กับผู้อื่นเล่า !?

Advertisement

ตราบเท่าที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด เขาเหล่านั้นยังได้รับการสันนิษฐานว่า ไม่มีความผิดหรือไม่

นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป.ก็ข้องใจดุลพินิจและยุทธวิธีตำรวจ จึงตั้ง 3 คำถามว่า

1.ยืนยันนะว่ายุทธวิธีครั้งนี้ถูกต้องเหมาะสม 2.ทำไมต้องจับสึกและไม่ให้ประกันตัวตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 29 และ 3.ถ้าเป็นนักบวชศาสนาอื่น ตำรวจจะใช้ยุทธวิธีแบบนี้ด้วยหรือไม่ หรือกล้าใช้ยุทธวิธีแบบนี้เฉพาะกับพระในพุทธศาสนา

ทำไม “นิพิฏฐ์” ต้องเลี้ยววกไปลากเอา “ศาสนาอื่น” มาเปรียบประชด !

“ยุทธวิธีตำรวจ” ไม่มีอันใดที่ต้องเกี่ยวข้องกับ “ศาสนา”

ลองใจเย็นๆ อดทนฟังตำรวจอธิบายบ้าง

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. อธิบายว่า

“ตำรวจได้ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างรอบคอบรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะหรือเกิดความสูญเสีย ทำให้ต้องใช้ยุทธวิธีที่รัดกุม เนื่องจากภายในกุฏิของอดีตพระพุทธะอิสระมีพื้นที่ห้ามคนนอกเข้า ซึ่งจากการสำรวจของชุดปฏิบัติการพบว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีการ์ดของ กปปส.อาศัยอยู่ และพบว่ามีอาวุธร้ายแรงจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวัง จึงวางแผนใช้ชุดที่มีอาวุธติดตัวนำกำลังเข้าจับกุมเพื่อป้องกันตัว”

สุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธะอิสระนี้ไม่ใช่คนธรรมดา

แม้ห้าวหาญถึงขนาดเจอข้อหาหนักๆ บรรดาสาวกบริวารยังพาเหรดกันออกมาปกป้องอย่างไม่ลืมหูลืมตา !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image