“นํ้าตาสุเทพ” ยังคงถูกกล่าวขวัญไม่จบ ยังถกกันไม่สิ้น แต่ก็ว่ากันไปเถอะเพราะ สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ประกาศแล้วว่า ไม่สนใจคำวิจารณ์ ยอมตระบัดสัตย์กลับสู่ถนนการเมือง เพื่อเป็น “ขี้ข้าประชาชน”
พลันที่วาทะนั้นปลิ้นหลุดออกมา ก็ถึงกับอุทาน
“หา! ประชาชนอีกแล้วหรือ”
แต่คราวนี้ “ประชาชน” ถึงกับได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็น “เจ้านาย” ของนายสุเทพซึ่งทั้งรวยและทั้งใหญ่ด้วยอิทธิบารมีระดับอดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ว่ากันว่า “แจกัน” นั้นถ้าว่างเปล่า จะเอาไปวางไว้ตรงไหนก็หาความหมายอันใดมิได้
ต่อเมื่อหาดอกไม้ใบหญ้าหลากหลายชนิดและสีสันใส่ลงไปใน “แจกัน” ความหมายอันเหมาะควรวาง ณ ที่ใดจึงเกิดขึ้นตามมา
“ประชาชน” ก็เหมือนดอกไม้ใบหญ้าใน “แจกันของนักการเมือง”
อย่าได้แปลกใจถ้าประชาชนจะถูกหยิบมา “อ้าง” เพื่อทำให้สิ่งที่นักการเมืองพูด หรือทำ ดูเหตุมีผลสมบูรณ์ขึ้น
เพียงแต่ในวันนี้ คุณสุเทพเชิดหน้ามาแบบสุดลิ่มในนามพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) จนถึงกับปวารณาตัวเป็น “ขี้ข้า” ของประชาชน
ประเด็นอยู่ที่ว่า นี่คือ วาทกรรมล้วนๆ หรือเนื้อนมไข่ทางอุดมการณ์ !
เช่นนี้จึงเกิดคำถาม ?
นักการเมืองเช่นคุณสุเทพ เคยรังสรรค์สิ่งใดใหม่ๆ ให้แก่สังคมไทย
ทุกวันนี้ “เจ้านาย” ของคุณสุเทพนับล้านๆ คน ขายข้าวได้เกวียนละเท่าใด ขายยางได้กิโลเท่าใด พืชพันธุ์ ธัญญาผักผลไม้ที่เจ้านายปลูก สัตว์ที่เจ้านายเลี้ยง ขายกันได้ราคาดีอยู่หรือ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ขายแรงรับจ้างได้ร่ำได้รวยล่ำซำ หรือว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่พอยาไส้
4 ปีมานี้ “เจ้านาย” กำลังจะตาย !!
คุณสุเทพก็อยู่ของคุณสุเทพ ไม่เห็นจะออกมาบอกทางบรรเทาทุกข์ “ขี้ข้า” ไม่ได้มาช่วยให้ชาวบ้านหรือ เจ้านายได้ลืมตาอ้าปาก กินข้าวไม่อิ่มท้อง ข้าวยาก ยาแพง หนี้สินรุงรัง ระบบรับเด็กเข้าเรียนก็เกื้อกูลเฉพาะแต่ที่มีตังค์ ช่องว่างระหว่างชั้นที่ “แคบ” ก็ถูกถ่างให้ “ห่าง” ยิ่งขึ้น
อนาคตที่จะเติบโตกับโอกาสที่จะไต่เต้าเปลี่ยนชีวิตปิดสนิท
“ขี้ข้า” จะรู้บ้างไหม 4 ปีมานี้ “ชีวิตเจ้านาย” ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย !?!!