เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 16 มิถภุนายน บริเวณแยกวงเวียนบางลำพู ฝั่งตรงข้ามวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว,ตำรวจสายตรวจ 191 ,บก.สตม.,หน่วยอรินทราช,ชุดสยบไพรี บช.ปส.และ สน.ชนะสงคราม ร่วมแถลงผลระดมปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้นที่พัก ที่กิน ที่ท่องเที่ยว โรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งหมด 87 จุดทั่วประเทศ ที่มีชาวต่างชาติกระทำความผิด over stay หรือ อยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินกว่าเวลาที่ขออนุญาต และ หลบหนีเข้าเมือง โดยจับกุมผู้กระทำความผิด รวมทั้งหมด 51 ราย แบ่งเป็นความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาญาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต” จำนวน 17 ราย เป็นสัญชาติอินเดีย 4 ราย ชาวเวียดนาม 3 ราย ชาวไนจีเรีย 3 ราย ชาวฝรั่งเศส 2 ราย ชาวรัสเซีย 1 ราย ชาวกินี 1 ราย ชาสแกมเบีย 1 ราย ชาวไอเวอรี่โคสต์ 1 ราย และสัญชาติเลโซโท 1 ราย และความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” จำนวน 31 ราย เป็นสัญชาติกัมพูชา 11 ราย ชาวอินเดีย 6 ราย ชาวลาว 6 ราย ชาวเมียนมา 4 ราย ชาวเวียดนาม 3 ราย และชาวไนจีเรีย 1 ราย รวมทั้งจับกุมข้อหาอื่นๆอีก 3 ราย ความผิดไม่รายงานตัวกับเจ้าพนักงาน สัญชาติเมียนมา 2 ราย และคนไทย 1 ราย โดยความผิดให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าว
ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การปฏิบัติยุทธการ X-RAY OUTLAW FOREIGNER ครั้งที่ 14 โดยมีการตรวจค้นทั้งหมด 87 จุดทั่วประเทศ มีผลจับกุม 51 ราย ในจำนวนนี้มี 2 ราย เป็นชาวเลโซโท และชาวไนจีเรีย โดยเข้าข่ายอาจเป็นการสวมบัตรประชาชน เนื่องจากมีการใช้ภาพอ้างเป็นบุคคลอื่น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่พบว่ามีผู้เสียหาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งความผิดสิ้นสุดการอนุญาต ไว้ก่อน ซึ่งผลตรวจค้นเป้าหมายที่ผ่านมาจำนวน 3,716 เป้าหมาย เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิด ทั้งหมด 1,407 ราย เพื่อทลายเครือข่ายที่เกี่ยวข้องความผิดกับชาวต่างชาติ ซึ่งตามนโยบายของรัฐบาล ได้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศโดยแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมที่มีกระทบกับความมั่นคงส่งผลต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย
