จากกรณีนางลีน่า จังจรรจา ได้ถ่ายคลิปลงในโลกออนไลน์ โดยไปถ่ายในถ้ำแห่งหนึ่ง พร้อมกับมีเนื้อหาล้อเลียนการติดถ้ำ ของทีม 13 หมูป่า พร้อมระบุว่า “ติดถ้ำ อยากดัง อยากไปดูบอลโลก นี่จ๊ะ 12 ชีวิต ช่วยไปบอกฟีฟ่าหน่อย อยากกินอาหารเจล เอามาฝากหน่อยจ้า พร้อมเสียงหัวเราะขบขัน” นั้นทำให้ทางเพจ ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เผยแพร่ข้อความว่า ” สำหรับสถานที่ที่ปราฏในคลิปคือถ้ำพระยานคร ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่กองบังคับการปรามปราบ (บก.ป.) นางลีนา จังจรรจา ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อเข้าแจ้งความกับ นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือ โค้ชเอก โค้ชทีมฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี่ เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับโค้ชเอกในข้อหาบุกรุกอุทยานเช่นเดียวกัน จึงต้องใช้กฎหมายฉบับเดียวกันในการดำเนินคดีด้วย
นางลีนาระบุว่า เดินทางเข้าไปในลักษณะนักท่องเที่ยวทั่วไป ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ดูแลในจุดดังกล่าวเข้าไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บนั้น นางลีน่าจังได้ถ่ายคลิปด้วยมือถือ แต่จากการตรวจสอบเนื้อหาจากคลิปแล้ว มีเจตนาถ่ายทำเพื่อเผยแพร่ ไม่ใช่ถ่ายในลักษณะของนักท่องเที่ยวที่ใช้ดูส่วนตัวหรือใช้ดูในครอบครัว จึงพิจารณาแล้วว่ากรณีดังกล่าวเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 16 (13) มาตรา 16 (17) มาตรา 18 และระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติฯ ว่าด้วยการเข้าไปถ่ายทำภาพยนตร์ในอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2552 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จึงเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ โค้ชเอกและทีมนักฟุตบอลหมูป่าคาเดมี่ ยังได้ใช้ก้อนหินขีดเขียนผนังถ้ำ ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายทรัพยากรแผ่นดินอีกด้วย เพราะฉะนั้น ทางเจ้าหน้าที่ต้องมีการระบุและกำหนดให้ชัดเจนว่าจะต้องให้พ่อแม่ของเด็ก ทั้งหมดมาชดใช้ค่าเสียหาย และชดใช้งบประมาณของแผ่นดินที่ใช้ในการปฏิบัติการค้นหาเด็กๆ จำนวน 400 กว่าล้านบาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม อยากขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานโดย ไม่ใช้มาตรการ 2 มาตรฐาน และเจ้าหน้าที่อย่ามาบอกว่า สาเหตุที่ไม่ดำเนินคดีกับเด็กๆ ทั้งหมด เพราะเด็กๆ ทั้งหมดมีการมาขออนุญาตเจ้าหน้าที่อุทยานแล้วก่อนเข้าไปในถ้ำ เนื่องจากตนได้มีการเก็บหลักฐานที่เจ้าหน้าที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า เด็กๆ ทุกคนเข้าไปโดยไม่ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยาน ซึ่งตนจะใช้ข้อมูลตรงนี้มาเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับโค้ชเอกในครั้งนี้ด้วย
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนของกองปราบฯ ได้สอบปากคำและตรวจสอบหลักฐานที่นางลีน่านำมามอบให้ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแนะนำว่า ความผิดในคดีดังกล่าว น่าจะอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. จึงขอให้ไปพบพนักงานสอบสวนของ ปทส. ให้ดำเนินการต่อไป