“อัจฉริยะ”พาผัวเมียเขมรร้องผบช.ภ.1 ตกเป็นผู้ต้องหายักยอกทรัพย์ 18 ล้าน

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ห้องศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำนายสิงห์ เทียร์ หรือซิง อายุ 43 ปี และนางเชียง คาลยาน สามีภรรยาชาวเขมร ที่เป็นผู้เสียหายในคดีถูกยักยอกทรัพย์ 18 ล้าน เมื่อปี 2557 ที่ สภ.บางใหญ่ เข้าร้องเรียนขอให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง กับ ร.ต.ท.บุญทัน พันธจันทร์ และ พ.ต.ท.กริชนันท์ อินชู พนักงานสอบสวน โดยกล่าวหาว่ามีเหตุการณ์ค้าสำนวนในห้องศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ต่อ พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ถ.วิภาวดีรังสิติ โดยมีพ.ต.อ.วัชรินทร์ ประสพดี รองผบก.อก.ภ.1 พ.ต.อ.สันติพัฒน์ พรหมจุล ผกก.ฝอ.1 บก.อก.ภ.1 รับเรื่อง

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อประมาณปี 2557 ผู้เสียหายทั้ง 2 ได้แจ้งความ สภ.บางใหญ่ ว่าได้ถูกนายสายชล พูลสวัสดิ์ และนางเพชร หรือปี๊ก สไลแมน หรือสะเรมอน 2 สามีภรรยา ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นหลาน ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์นายจ้างกับ ร.ต.ท.บุญทัน พันธ์จันทร์ รอง สว.(สอบสวน)สภ.บางใหญ่ ซึ่งตอนนี้คดียังอยู่ในชั้นอัยการ ต่อมาเมื่อช่วงปี 2560 พ.ต.ท.กริชนันท์ อินชู รอง ผกก.สอบสวนศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ภาค1 ได้เรียก ร.ต.ท.บุญทัน พันธ์จันทร์ ให้นำสำเนาการสอบสวนในคดีที่นายสิงห์ เทียร์ และนางเชียง คาลยาน เป็นผู้เสียหายมาพบต่อหน้านายสายชลและนางเพชรผู้ต้องหาที่อ้างว่ามาร้องขอความเป็นธรรม แล้วบังคับให้พนักงานสอบสวนส่งมอบสำนวนทั้งแฟ้มให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 โดยไม่มีการนำเข้าสู่ระบบการร้องเรียน จากนั้นได้นำสำนวนคดีทั้งแฟ้มไปให้ทนายความที่เป็นลูกน้องเก่าของ พ.ต.ท.กริชนันท์ อินชู ไปฟ้องต่อศาล จ.นนทบุรี จนผู้เสียหายทั้ง 2 คน กลับกลายมาเป็นผู้ต้องหาในข้อหาแจ้งความเท็จ และสร้างหลักฐานเท็จ จึงอยากให้ทางผู้บังคับบัญชาของทาง พ.ต.ท.กริชนันท์ มีการสอบสวนในเรื่องดังว่าสำนวนคดีของทางผู้เสียหายไปอยู่ในมือของทนายความฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร จากนั้นให้ขอเสนอตั้งคณะกรรมการสอบสวนสั่งย้ายออกนอกพื้นที่เพื่อไม่ให้สามารถมายุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดีได้อีก

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้นางเพชรยังมีหมายจับของศาลชั้นต้นจังหวัดบัญเตียมีชัย ประเทศกัมพูชา ในคดีละเมิดความไว้วางใจ ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงอีกด้วย อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้าจะนำผู้เสียหายทั้ง 2 ไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตเพื่อยื่นฟ้องเอาผิดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง 5 คน

ด้านนายสิงห์ และนางเชียง ผู้ร้องเรียนได้เปิดเผยผ่านล่ามว่า ทั้งสองคนได้ประกอบธุรกิจส่งเสื้อผ้าเด็กมาแล้ว 18 ปี และได้ให้หลานมาช่วยงานมาประมาณ 12 ปี ก่อนที่ปี 2557 จะทราบว่าหลานที่ได้มาช่วยงานได้ฉ้อโกงเงินรวมจำนวนกว่า 18 ล้านบาท จึงได้เข้าแจ้งความ ต่อมาปลายปี 2560 จากเดิมที่เป็นผู้เสียหายต้องกลับกลายเป็นผู้ต้องหา ต้องใช้เงินประกันตัวคนละ 140,000 บาท ทำให้เดือดร้อนมาก เพราะโดนฉ้อโกงเงินจนไม่มีเงินมาหมุนเวียนทำธุรกิจ และต้องเสียเวลาไปๆ มาๆ ในเรื่องคดีที่เกิดขึ้น

Advertisement

นอกจากนี้นางเชียง กล่าวอีกด้วยว่า เจ็บใจมาก โดนโกงเงินไปหมดแล้ว คนโกงเงินเอาเงินเราไปซื้อคนมาช่วย ทำให้ตนต้องมีชื่อเป็นผู้ทำผิดในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ตนต้องประกันตัวในชั้นศาลออกมาต่อสู้คดี ทั้งที่ตนไม่ได้ทำผิดอะไรเลย จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมด้วย

ด้านพ.ต.อ.วัชรินทร์ กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากพล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 ให้เป็นผู้มารับเรื่องราวร้องทุกข์ ทั้งนี้ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ดังกล่าวไว้ ก่อนเตรียมเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่มาร้องเรียน และจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รวดเร็วที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image