จากกรณีเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พบศพชายนิรนามครึ่งท่อน อายุประมาณ 40-50 ปี รูปร่างท้วม ผมสั้นหยักศก ไว้หนวดเครา ลอยน้ำภายในคลองแสนแสบ ท้ายซอยรามคำแหง 85/3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ มีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมที่ขมับศีรษะด้านซ้ายความยาวประมาณ 6 นิ้ว ในบาดแผลพบเศษผ้าสีดำ ต่อมาช่วงสายวันที่ 22 กรกฎาคม พบชิ้นส่วนท่อนขาด้านซ้ายบนลักษณะเน่าเปื่อย ลอยอยู่ในคลองแสนแสบ ใกล้ชุมชนบึงพระราม 9 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือนายวินัย ใจแสน อายุ 49 ปี อดีตคนขับวินจักรยานยนต์รับจ้าง นั้น
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม ร.ต.อ. สันต์ประกรณ์ หนูกัน รองสว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งพบชิ้นส่วนมนุษย์ลอยอยู่ในคลองแสนแสบ บริเวณท่าเรือวัดเทพลีลา แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบพบเป็นขาเท้าท่อนล่างด้านซ้าย ซึ่งตรงกับชิ้นส่วนที่ยังหายไปชิ้นสุดท้ายของชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบก่อนหน้านี้ ทั้งนี้หลังเกิดเหตุพบชิ้นส่วนมนุษย์ตามจุดต่างๆ แล้ว ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.หัวหมากได้ลงพื้นที่เร่งสืบสวนหาหลักฐานว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร และเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด โดยหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ส่งลายนิ้วมือไปตรวจสอบ โดยกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบ จากนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง จนสามารถระบุตัวผู้เสียชีวิตได้ ทราบชื่อภายหลัง นายวินัย ใจแสน อายุ 49 ปี อดีตเคยขับขี่จยย.ที่วินแห่งหนึ่งย่านแฮปปี้แลนด์ แต่ระยะหลังเลิกกับภรรยาไปนาน 20 ปีและมีนิสัย ชอบดื่มสุรา มีโรคประจำตัวเป็นโรคลมชัก และไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง โดยเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม นายวินัย เกิดอาการลมชักที่ย่านแฮปปี้แลนด์ ล้มหน้าฟาดได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิสยามรวมใจได้ช่วยปฐมพยาบาล ซึ่งนายวินัยได้สวมเสื้อโปโลคอปกสีดำสวมกางเกงสามส่วนสีดำ ก่อนจะพบชิ้นส่วนศพลอยในคลองแสนแสบเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา สำหรับการเสียชีวิตของนายวินัยนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง โดยตั้งไว้ 2 ประเด็น คือเกิดจากอุบัติเหตุและถูกฆาตกรรม
ส่วนความคืบหน้าของคดีเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. จะเดินทางไปที่สน.หัวหมาก ติดตามเพื่อประชุมความคืบหน้าคดีพบชิ้นส่วนมนุษย์ในคลองแสนแสบ
