โฆษกศาลเเจง คดีลูกชายหนุ่มใหญ่ โดดตึกศาลอาญาดับ ไม่มีประจักษ์พยาน หลักฐานชี้ชัด คนลงมือฆ่า

โฆษกศาลยุติธรรม เเจง สังคมเข้าใจ คดีลูกชายหนุ่มใหญ่โดดตึกศาลอาญาดับ เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานหลักฐานชี้ชัด คนลงมือฆ่าจึงยกประโยชน์เเห่งความสงสัยให้จำเลย

จากกรณี นายศุภชัย ทัฬหสุนทร อายุ 52 ปี ได้กระโดดจากชั้น 8 อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตกลงมาเสียชีวิต โดยสาเหตุคาดว่ามาจากที่ศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องจำเลย ในคดีที่บุตรชายของตนเองถูกเเทงเสียชีวิตเมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี2559จึงได้สร้างความเครียดแก่นาย ศุภชัย จนเกิดเหตุการสลดดังกล่าวขึ้น

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงรายละเอียดคำพิพากษาคดีฆ่าผู้อื่น ฯ หมายเลขดำ อ.1089/60ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายณัฐพงษ์ เงินคีรี เป็นจำเลยในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่น ฯ กรณีเมื่อวันที่15 เมษายน 59 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงบริเวณร่างกายนายธนิต คัฬหสุนทร จนถึงแก่ความตาย ก่อนหลบหนีไป เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,371 ประกอบ 83  เหตุเกิดบริเวณ ถ.ประชาสังคมสงเคราะห์ 1 ดินแดง กทม.จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ว่าไม่ใช่ผู้กระทำผิด โดยคดีนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง

นายสุริยัณห์ กล่าวต่อว่า เหตุผลโดยสรุปคือ ประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์และให้การไว้ในชั้นสอบสวน ไม่อาจมาเบิกความในชั้นศาลได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยทางจิตที่โรงพยาบาล จึงต้องรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนที่นำส่งในชั้นศาลประกอบพยานหลักฐานอื่น แต่พยานหลักฐานอื่นยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ เช่น ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดพบว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฎในชั้นศาลนั้นเห็นเเต่เพียงเหตุการปากทางเข้าซอยที่เกิดเหตุ เเต่ไม่สามารถบันทึกภาพบริเวณจุดเกิดเหตุไว้ได้

Advertisement

โฆษกศาลยุติธรรม ยังระบุว่าอีกว่า ดังนั้นเมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง  อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นเพียงการพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น ฝ่ายโจทก์ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีตามกฎหมายได้ต่อไป ซึ่งในชั้นอุทธรณ์ผู้พิพากษาที่ปฏิบัติหน้าที่ก็จะพิจารณา ไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนโดยปราศจากความกดดันหรือคติใดๆ ขอยืนยันว่าศาลก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทำหน้าที่ของตนเองมาอย่างดีที่สุดแล้ว

โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เเสดงความรู้สึกในมุมมองของตัวเอง ซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อการทำหน้าที่ของทุกฝ่ายในกระบวนการยุติธรรมรวมถึงศาลด้วยนั้น ขอเรียนว่า กระบวนการยุติธรรมทางอาญาเราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายหรือจำเลยในคดี การพิจารณาพิพากษาก็ดูจากพยานหลักฐานในสำนวน ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานตามกฎหมาย แต่แม้เราจะเชื่อมั่นว่าเราทำงานอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทุกฝ่ายก็ไม่สบายใจ และเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่เราก็จะยืนหยัดทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดต่อไป ขณะเดียวกันก็จะให้ความรู้ความเข้าใจและอธิบายขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายให้แก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด

สำหรับคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2559 เวลากลางคืนหลังเที่ยง นายณัฐพงษ์ จำเลย กับนายอาร์รีชัย หรือเบ็นซ์ หรืออาร์ม บุดดาวงค์ พวกของจำเลยซึ่งเป็นเยาวชน ร่วมกันพาอาวุธมีดพกปลายแหลมขนาดยาวประมาณ 1 ฟุต จำนวน 1 เล่ม ติดตัวไปในบริเวณปากซอยประชาสงเคราะห์ 1 ถ.ประชาสงเคราะห์ โดยร่วมกันมีเจตนาฆ่านายธนิต ทัฬหสุนทร ให้ถึงแก่ความตาย ร่วมกันชกต่อยนายธนิตที่บริเวณใบหน้าและลำคอหลายครั้ง และร่วมกันใช้อาวุธมีดพกปลายแหลมที่พกติดตัวมาแทงประทุษร้ายนายธนิตหลายครั้ง แทงถูกที่บริเวณไหล่ซ้ายลึกทะลุผ่านเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ และทะลุเข้าเส้นเลือดแดงบริเวณใต้ไหปลาร้าข้างซ้าย เป็นเหตุให้นายธนิตได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image