จากกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พานายสุบิน ยาวิราช อายุ 41 ปี และ น.ส.ภาณิศา ยาวิราช พ่อและอาของ น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือ “น้องหญิง” อายุ 19 ปี เข้าแจ้งความกองปราบปรามช่วยคลี่คลายคดีการเสียชีวิต อย่างมีเงื่อนงำของน้องหญิงโดยเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม และขอให้นำตัวคนทำมาลงโทษให้ได้ ก่อนที่นายอัจฉริยะ เผยว่า จะร้องเรียนต่อ ผบช.ภ.1 ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ เพื่อเอาเรื่องตำรวจ สภ.บางปะอิน ฐานผิด ม.157 ทำรูปคดีเสียหาย บิดเบือนข้อกล่าวหาผู้ต้องสงสัย โดยไม่มีการตรวจสอบหรือสนใจคดี “น้องหญิง” ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้จะมีคำสั่งให้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไปพิจารณาข้อบกพร่องของ พ.ต.อ.ฤทธิ์ ศิริเทพ ผกก.สภ.บางปะอิน และ ร.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ วงค์ภูผานนท์ รองสว.สอบสวน สภ.บางปะอิน พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ในกรณีที่ไม่รับแจ้งความดำเนินการสอบสวน ในคดีดังกล่าว ตามกระบวนการทางกฎหมายจนทำให้ บิดาไปพยายามค้นหาหลักฐานด้วยตนเอง และไปร้องต่อกองปราบปราม
ทั้งนี้จากการตรวจสอบสำนวนกพบว่าไม่มีการเรียกสอบปากคำบิดาผู้ตาย ตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม ให้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พิจารณาว่าจะตั้งกรรมการสอบ หรือโยกย้าย ตามความเหมาะสมและให้รายงานผลข้อบกพร่องโดยเร็ว และให้พิจารณา ข้อบกพร่องของสถานีตำรวจท้องที่ ที่ปล่อยให้มีการตั้งสถานบันเทิงวูฟ เชียงรากน้อย ด้วย เนื่องจากพบว่าเปิดให้บริการถึงเช้า ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด เป็นปล่อยละเลย ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการจากตำรวจภูธรภาค 1
ขณะที่มีรายงานจากตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งย้ายตำรวจไปช่ายราชการ ที่ศปก.ภ.1 รวม 10 นาย ตั้งระบดับผกก.-สว.3 โรงพักประกอบด้วย สภ.บางปะอิน 3 นาย สภ.พระอินทร์ราชา 4 นาย สภ.เมืองปทุมธานี 3 นาย