กองปราบฯคุมตัว ‘บูม’ จิรัชพิสิษฐ์ ฝากขังศาล คดีฟอกเงินกว่า700ล้าน ค้านประกัน

จากกรณี นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม อายุ 27 ปี นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง 1 ใน 3 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1694/2561 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ ที่มาร้องทุกข์ว่าถูกฉ้อโกงทรัพย์จากการถูกหลอกให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลสูญเงินกว่า 797 ล้านบาท ต่อมานายจิรัชพิสิษฐ์ได้ถูกคุมตัวมาสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราม ซึ่งผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปราม ร.ต.อ.ศุภชัย ชาติมนตรี รอง สว.(สอบสวน) กก 1.บก.ป. ได้นำตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา โดย พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว

พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวว่า ขณะนี้นายจิรัชพิสิษฐ์กำลังถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา และส่วนของนางสาวสุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาวที่ได้มาติดต่อขอมอบตัวเอาไว้ ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดนัดหมายที่แน่นอน และตัวพี่สาวก็ไม่ได้ติดต่อมาขอมอบตัวเอง แต่เป็นทางคนรู้จักที่ประสานเข้ามาว่า หากจะมอบตัวแล้วจะมีกระบวนการอย่างไร และจะใช้หลักทรัพย์อะไรมาประกันตัวได้หรือเปล่า ซึ่งตอนนี้จากข้อมูลเรายังพบว่าพี่สาวนายจิรัชพิสิษฐ์ยังอยู่ในประเทศไม่ได้หลบหนีไปยังต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนักธุรกิจภายในตลาดหลักทรัพย์ที่มาให้การว่ามีการพูดคุยกันอย่างไร พล.ต.ต.ไมตรีระบุว่า ที่เข้ามาพบเพื่อชี้แจงถึงตัวผู้บงการที่แท้จริงว่าคือพี่ชายนายบูม หรือนายปริญญา จารวิจิต และตัวเองก็เป็นเพียงแค่เหยื่อเท่านั้น ซึ่งเราก็รับฟังไว้พิจารณาส่วนการดำเนินการกับเขาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการฉ้อโกงหรือไม่ก็อยู่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน

ด้าน พ.ต.อ.ชาคริตกล่าว คนอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงในวงการตลาดหลักทรัพย์ ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า มีแค่หมายจับในส่วนของครอบครัวของนายบูมเท่านั้น ซึ่งนอกจากนี้แล้วยังมีอีกประมาณ 5-6 ที่น่าจะอยู่ในเครือข่ายผู้กระทำผิด โดยมีตัวการหลักก็คือนายปริญญา ส่วนครอบครัวพ่อแม่ของเขาที่เหลืออาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะนายปริญญาน่าจะมีการทำธุรกรรมในนามของคนในครอบครัว

Advertisement

“เมื่อวานนี้คนที่มาพบผมเขาก็พยายามบอกว่าเขาไม่ได้ทำ และตัวเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน ซึ่งนอกจากหมายจับของ 3 พี่น้อง ยังพบมีความเชื่อมโยงถึงคนอื่นๆ อีกที่ร่วมกระทำกันเป็นเครือค่าย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนในตลาดหลักทรัพย์ เพียงแต่นายปริญญาแค่อ้างอิงว่าจะนำเงินไปลงทุนเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนเงินไปทำเหรียญดราก้อนคอยน์ และอ้างว่าเปิดบริษัทและนำบริษัทไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างมูลค่าหุ้นเพิ่มเท่านั้น”

พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวต่อว่า ส่วนบริษัทที่สร้างขึ้นมา ก็เกิดจากเครือข่ายครอบครัวนายปริญญาที่ร่วมกันสร้าง และมีตัวตนอยู่จริงๆ ซึ่งพบว่ามี 3-4 บริษัทด้วยกันที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หนึ่งในนั้นก็เป็นบริษัทในฮ่องกง เลยทำให้ชาวต่างชาติเกิดความเชื่อถือเป็นเหตุให้ถูกหลอกไปได้ง่าย และยังพบว่าก่อนหน้านี้นายปริญญายังเคยมีประวัติการฉ้อโกง จากการออกหมายจับที่ สน.วัดพระยาไกร

ต่อมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปราม คุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์หรือผู้ต้องหาตามหมายจับ ฐานร่วมกันฟอกเงิน มาขออำนาจศาลอาญา รัชดาฯ ฝากขังผัดแรก เบื้องต้น นายจิรัชพิสิษฐ์ยังให้การปฏิเสธ

Advertisement

ทั้งนี้ ขณะที่พนักงานสอบสวนควบคุมตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ มีสีหน้าอิดโรยเล็กน้อย สวมหมวกและแว่นตา เดินก้มหน้า ก่อนถูกนำตัวไปตรวจประวัติ พิมพ์มือ บริเวณห้องเวรใต้ถุนศาล

ในท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และมูลค่าความเสียหายสูง เกรงว่าผู้จะหลบหนี ส่วนญาติได้เดินทางมาศาลพร้อมยื่นหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image