“รองโจ๊ก”ทลายแก๊งคอลฯโทรมาหลอกคนไทย กลางโฮจิมินห์ สูญ 50 ล้าน

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท., พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 บช.ทท., พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ และ พ.ต.ต.นที คุ้มล้วนล้อม สว.งานสายตรวจ 2 บก.จร.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการความมั่นคงอินเตอร์เน็ตและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีกระทรวงความมั่นคง และเจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคง ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กว่า 100 นายจาก 5 หน่วยงานหลัก ร่วมกันบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เข้าจับกุมผู้ต้องหาคนไทย 16 คน และไต้หวัน 2 คน ย่านเมืองใหม่ วินโฮมคอนโดมิเนียม เซ็นทรัลพาร์ค เมืองโฮจิมินห์ หลังสืบทราบว่าเป็นศูนย์สั่งการคอลเซ็นเตอร์ เป็นคอนโดมิเนียมหรู แยกกันอยู่หลายอาคาร รวม 4 ห้อง มีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี แบ่งออกเป็นห้อง ซึ่งมีโต๊ะพร้อมอุปกรณ์สื่อสารทั้งคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้งาน, สมุดบัญชีธนาคาร

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบโพยรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง รวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อที่กำหนดไว้ เช่น จากหน่วยปราบปรามยาเสพติด หน่วยปราบปรามการฟอกเงิน โดยพบคนไทย 16 คน ทำหน้าที่โทรศัพท์หาเหยื่อปลายทางในประเทศไทย พบชาวไต้หวัน 2 คน คอยควบคุมและสั่งการในการหลอกลวงเหยื่อซึ่งแก๊งนี้เริ่มปฏิบัติการหลอกลวงคนไทยประมาณ 2 เดือน โดยพบว่ามีผู้เสียหายเป็นวงเงินกว่า 50 ล้านบาท และมีเหยื่อหลงกลโอนเงินรายล่าสุด กว่า 800,000 บาทในพื้นที่ สน.หัวหมาก

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับการบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศเวียดนามครั้งนี้ถือว่าเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่มีขนาดใหญ่ มีวิธีการทำงาน การเดินทาง และวิธีการโอนเงิน โดยหันมากดเงินในประเทศมาเลเซีย และไต้หวันเพื่อป้องกันการติดตามจากเจ้าหน้าที่

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้น่าจะมีความเชื่อมโยงกลับนายเฉิน เตี้ยน หลี่ หัวโจกชาวไต้หวัน ที่เคยถูกตำรวจจับกุมตัวมาได้ก่อนหน้านี้ โดยได้ย้ายฐานปฏิบัติการมาตั้งในนครโฮจิมินห์ ใช้ระบบวีโอไอพี หรือวอยซ์ โอเว่อร์อินเตอร์เน็ต โปรโตคอล เป็นเครื่องมือในการเชื่อมต่อระบบสื่อสารและแปลงหมายเลขไปยังเหยื่อ

Advertisement

รองผบช.ทท. กล่าวว่าขณะที่คนไทยซึ่งถูกควบคุมตัวยอมรับว่า โทรศัพท์กลับไปหลอกลวงคนไทยในประเทศไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งบทสนทนาส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของการส่งสินค้าที่ผิดกฎหมายและแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปง. ศาล ขอตรวจสอบทรัพย์สิน

“การจับกุมในครั้งนี้ทางกระทรวงความมั่นคงของเวียดนามค่อนข้างจะเข้มงวดในเรื่องของข้อกฎหมายโดยบอกว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้ทางการไทยโดยเร็วที่สุด พร้อมกับเครื่องมือที่ยึดได้ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการทำสำนวนให้แก่ตำรวจไทยด้วย ส่วนผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ก็จะมีการประสานกับทางการไต้หวัน เพื่อส่งตัวผู้ร้ายต่อไปEพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว

รองผบช.ทท.กล่าวอีกว่า การทำงานปราบปรามระหว่างประเทศ ทางการเวียดนามให้ความร่วมมือช่วยตามรอยเบาะแสและพิกัดที่ตั้ง และยังให้ตำรวจท่องเที่ยวของไทย พร้อมชุดสายสืบเข้าร่วมจับกุมด้วย ถือเป็นการทำงานตามแนวทาง One World One Team หรือ ตำรวจหนึ่งเดียวทั่วโลก

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image