แฉโจรคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น “ผบช.ภ.9” ลวงคนใต้ สูญหลายล้าน หิ้วจากเวียดนามดำเนินคดี

ภาพเล็ก พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9(ผบช.ภ.9)

จากกรณีศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร.นำโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. ในฐานะรองผอ.ศปอส.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1,พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2,พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. ,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผบก.สส.บช.ภ.2 ได้สนธิกำลังกระทรวงตำรวจและกองบังคับการความมั่นคงอินเตอร์เน็ตและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทลายขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในห้องพักหรู ภายในโครงการวินโฮมส์ เซ็นทรัล พาร์ค ใจกลางกรุงโฮจิมินห์ จับกุมผู้ต้องหาได้ 18 ราย เป็นคนไทย 16 ราย ไต้หวัน 2 ราย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่กรุงโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หลังจากวานนี้ชุดทำงานศปอส.ตร.ได้ประสานตำรวจเวียดนามเข้าตรวจคนห้องพักที่ชั้น 30 ในอาคารเซ็นทรัล 3 ภายในโครงการวินโฮมส์ เซ็นทรัล พาร์คจนจับกุมผู้ต้องหาได้ส่วนหนึ่งแล้วนั้น ได้ทำการสอบสวนกลุ่มคนไทยที่มาทำงานคอลเซ็นเตอร์ทำให้ได้ข้อมูลว่ายังมีคนไทยอีก6 ราย ที่ยังคงหลบหนี ซึ่งสอดรับกับข้อมูลของชุดสืบสวนของศปอส.ตร.ที่ได้ให้ข้อมูลกับทางการเวียดนามว่า ขบวนการนี้มีการใช้ห้องพักในโครงการดังกล่าวเป็นฐานที่มั่น 4 จุด ในโซนเซ็นทรัล2จุด และ โซนพาร์ค 2 จุด จึฝกระจายกำลังค้นหาผู้ต้องหาที่เหลืออีก6 ราย

กระทั่งพบกลุ่มคนไทยเป็นหญิง 6 คน ลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากร้านสะดวกซื้อ ซึ่งอยู่ใต้อาคารโซนเซนทรัล ด้วยท่าทีมีพิรุธ จึงได้เข้าไปตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นผู้ต้องหาขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีหมายจับของทางการไทย จึงได้ประสานข้อมูลกับทางการเวียดนามเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป พร้อมรายงานให้พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รับทราบหลังจับกุมผู้ต้องหาได้ครบทั้งหมด

โดยขั้นตอนจากนี้กระทรวงตำรวจของเวียดจะดำเนินการในเรื่องของข้อกฎหมายพร้อมส่งตัวผู้ต้องหาคนไทยให้ทางการไทยโดยเร็วที่สุด พร้อมกับเครื่องมือที่ยึดได้ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการทำสำนวนให้แก่ตำรวจไทย ส่วนผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ก็จะมีการประสานกับทางการไต้หวัน เพื่อส่งตัวผู้ร้ายต่อไป

Advertisement

ล่าสุดมีรายงานว่าพ.ต.อ.(พิเศษ) ทราน วาน โฮ ผู้กำกับการ กองบังคับการความมั่นคงอินเตอร์เน็ตและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี ได้ประสานกับพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พร้อมส่งตัวผู้ต้องหากลับประเทศไทยในคืนนี้โดยจะเดินทางจากสนามบินโฮจิมินห์ มาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย โดยมีกำหนดการถึงเมืองไทยเวลา 23.05 น.ของวันที่ 25 ส.ค.

มีรายงานว่าเหยื่อที่ถูกหลอกเสียหายส่วนใหญ่เป็นข้าราชการวัยเกษียณ บุคคลผู้มีฐานะ ซึ่งเหยื่อที่โดนหลอกให้โอนเงินเสียหายหนักสุด สูญเงินกว่า 800,000 บาทในพื้นที่ สน.หัวหมาก และเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลอกข้าราชการครูวัยเกษียณ เสียหาย 200,000 บาท โดยใช้อุบายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารขอจะตรวจสอบเงินในบัญชีหลังพบความผิดปกติ

Advertisement

ทั้งนี้มีรายงานว่า จากการสอบปากคำนายธนาวุฒิ หรือ ปาย เชื้อกุล อายุ 27ปี ชาวอุบลราชธานีให้การรับว่า เดินทางเข้ามาประเทศเวียดนามพร้อมกับน.ส.วรรัก เศรษฐวงศ์ อายุ24ปี แฟนสาวชาวจังหวัดสมุทรปราการ และกลุ่มคนไทย เพื่อมาทำงานขบวนการคอลเซ็นเตอร์ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยได้หลอกผู้เสียหายอ้างชื่อพล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9)หลอกเงินเหยื่อในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค9 หรือพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ได้ไปแสนกว่าบาท โดยทำงานในสายสองและสายสาม สอดรับกับนายพงษา จับโจร ให้การรับว่าทำงานในขบวนคอลเซ็นเตอร์ในตำแหน่งสายสอง โดยอ้างชื่อร.ต.ท.ยุทธนา พลเส ทำการหลอกเหยื่อให้โอนเงิน โดยผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยนายธนาวุฒิและนายพงษา ถือเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่มีความสำคัญกับขบวนการนี้เนื่องจากเป็นคีย์แมนหลักหลอกเหยื่อทำเงินให้กับขบวนการนี้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังยอมรับว่าเคยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศฟิลิปปินมาแล้วและจากการสอบปากคำยังพบว่ามีการอ้างชื่อนายตำรวจ หลายรายด้วยกัน อาทิ ร.ต.ท.ชาติชาย แก้ววิเศษ ร.ต.ท.วัชรพล คำเมือง เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image