แม่ทหารเกณฑ์”เก่ง”ยันไม่เผาศพลูกจนกว่าได้รับความเป็นธรรม ตร.ได้ตัว 2 ผู้ต้องหาขยายผลอีก

จากกรณีแม่ของพลทหารบุญฤทธิ์ เอี่ยมสิริลักษณ์ หรือเก่ง อายุ 21 ปี ทหารเกณฑ์สังกัดกองทัพภาคที่ 1 พร้อมด้วย นายวรินทร์ อัฐนาค ประธานชมรมโดมเพื่อคุณธรรม เดินทางบุกเข้าร้องเรียนต่อกองปราบ กรณีที่พลทหารบุญฤทธิ์ ซึ่งเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ หลังจากไปร่วมสังสรรค์กับเพื่อนทหารเกณฑ์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยได้มีการแจ้งความไว้ที่ สน.บางยี่ขันแล้วแต่เรื่องก็เงียบไป ทำให้ทางครอบครัวเป็นห่วงว่าคดีจะไม่คืบหน้านั้น

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 30 สิงหาคม ที่สถานีตำรวจนครบาลบางยี่ขัน(สน.บางยี่ขัน) พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 พ.ต.อ.พิรัตน์ นาสมวาส รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ ผกก.สน.บางยี่ขัน พร้อมด้วย พล.ต.กฤษณ์ดนีย อิทธิมณฑล เสนาธิการ กองทัพภาคที่1 จัดการแถลงชี้แจงเกี่ยวกับคดีดังกล่าว โดยมีนางรัชนก แซ่ลิ่ม มารดาของพลทหารบุญฤทธิ์ และนายวรินทร์ อัฐนาค ประธานชมรมโดมเพื่อคุณธรรม ในฐานะทนายความเข้าร่วมรับข้อฟังด้วย

พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ กล่าวว่า เนื่องจากเหตุการณ์นี้กลายเป็นที่สนใจของประชาชน ตำรวจจึงไม่ได้นิ่งนอนใจ วันนี้เลยเรียกหลายฝ่ายมาพูดคุยกันในข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับคดี ทั้งตัวแทนจากกองทัพภาคหนึ่ง พนักงานสอบสวนสน.บางยี่ขัน กองบังคับการตำรวจนครบาลภาค 7 และนายทหารพระธรรมนูญ รวมถึงคุณแม่ของผู้เสียชีวิต ซึ่งหลังจากเกิดเหตุทางกองทัพภาค 1 ก็ให้ความร่วมมือดีกับเราตลอดในการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ไม่ได้มีการปกป้องเข้าข้างกัน ตามที่เป็นกระข่าวซึ่งเราก็ดำเนินการตามกรอบของกฎหมายและยุติธรรม ตรงไปตรงมาเพื่อแสดงให้คุณแม่ของผู้เสียชีวิตได้รับความเป็นธรรม

พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ กล่าวต่ออีกว่า ได้ผู้ต้องหาแล้วมาแล้ว 2 ราย นอกจากนี้หากการสอบสวนพบมีผู้กระทำผิดอีกก็จะขยายผลต่อไป โดยได้ตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนของบก.น.7 ในการเร่งทำสำนวน ส่วนรายละเอียดพฤติการณ์ระหว่างที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ในสำนวนคดีตอนนี้เราคงต้องขอปิดไว้ก่อนและถ้ามีการแจ้งข้อหาแล้ว จะจัดแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง แต่เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง2รายให้การรับสารภาพแล้ว และยืนยันว่าจะแจ้งข้อหาสูงสุดแก่ผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน นอกจากนี้ก็จะรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมทั้งกล้องวงจรปิด และพยานที่ในที่เกิดเหตุ ดังนั้นจึงวางใจได้ว่าคดีนี้จะอยู่ในกรอบของกฎหมายแน่นอน

Advertisement

“นอกจากนี้คดีดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับทหารทั้งสองฝ่ายอำนาจจึงอยู่กับทางศาลทหารจึงต้องประสานกับทางนายทหารพระธรรมนูญเพื่อสอบสวนตัวผู้กระทำผิด และทางผู้บังคับบัญชาของกองทัพภาคหนึ่งซึ่งเป็นต้นสังกัดของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิต ก็ไม่ได้มีการเข้าข้างคนของตัวเอง โดยได้กักตัวทหารเกณฑ์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุอีก 8 คนไม่ให้ลาไปไหน และหากการสอบสวนพบว่ามีส่วนกระทำความผิดก็อาจจะโดนแจ้งข้อหาเพิ่ม”ผบก.น7 กล่าว

ผบก.น.7กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นางรัชนกพูดว่ามีคนมาข่มขู่และกลัวว่าจะได้รับอันตรายยืนยันว่าจะมีการเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองพยานและมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

ด้าน พล.ต.กฤษณ์ดนีย กล่าวเพิ่มเติมว่ากรณีที่บอกว่ากลุ่มพลทหารดังกล่าวหนีออกมาจากค่ายนั้นไม่เป็นความจริงเพราะกลุ่มที่อยู่ในที่เกิดเหตุมีการเรื่องลาต่อผู้บังคับบัญชาไว้แล้ว ส่วนกรณีที่มีการจ่ายเงินค่าทำขวัญ 2แสน ได้รับรายงานว่าเป็นการให้ที่อยากจะช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจริงๆ ไม่ใช่การให้เพื่อจะขอให้ปิดข่าวแต่อย่างใดและยืนยันว่าจะให้ความร่วมมืออย่างดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

Advertisement

ด้านนางรัชนก กล่าวถึงกรณีนายทหารคนหนึ่งเสนอเงินค่าทำขวัญ 2 แสนว่า เงินจำนวนดังกล่าวนายทหารรายนั้นได้แจ้งว่าจะทำการช่วยเหลือครอบครัวตนและผู้ที่ก่อเหตุโดยการจ่ายค่าทำขวัญแทนให้เพราะทางครอบครัวของผู้ก่อเหตุก็ยากจนคงไม่มีเงินมาจ่ายชดเชยกับสิ่งที่ทำ ตอนนั้นตั้งใจจะรับเงินไว้ แต่ปรากฎว่าในวันที่นัดหมายจะให้เงินค่าทำขวัญดังกล่าว นายทหารคนนั้นโทรมาเพื่อขอเลื่อนเพราะได้หลักฐานเพิ่มเติม วันนั้นตนโมโหและไปแจ้งความที่สน.บางยี่ขัน จนถูกนายทหารคนดังกล่าวโทรมาต่อว่า แต่ตนแค่ลงบันทึกประจำวันไว้และไม่ได้กล่าวถึงชื่อใครและทำให้ใครเสียหายเลย นอกจากนี้ก็ยังยืนยันว่าจะเก็บศพบุตรชายไว้และจะไม่มีการจัดฌาปนกิจศพที่วัดบางยี่ขัน จนกว่าจะนำตัวผู้กระทำผิดทั้งหมดมาลงโทษได้

ด้านนายวรินทร์กล่าวว่าตอนนี้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตรู้สึกสบายใจขึ้นมากที่ตำรวจได้อธิบายและให้ความสำคัญกับคดีดังกล่าว แต่สิ่งหนึ่งที่ก่อนหน้านี้กลัวคือเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอาญาถ้าเกิดมีความผิดพลาดนิดเดียว คือหลักฐานไม่บ่งชี้ชัดถึงผู้กระทำผิด เรากลัวว่าทางครอบครัวของผู้ตายจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ก็มั่นใจได้หลังจากที่ได้ยินท่านผู้การยืนยันว่าจะตั้งข้อหาสูงสุดแก่ผู้ที่กระทำผิดทั้งหมด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image