‘โจ๊ก’ ลั่นประสานเอฟบีไอล่าแอดมิน CSI LA ปัดเอาคืนปมแฉนาฬิกา ‘บิ๊กป้อม’ 25 เรือน ไม่เคยติดใจ!!

เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการ
ตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) และรองโฆษกประจำตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินคดีกับเพจ CSI LA และสมุยไทม์ ที่ออกมาเปิดเผยกรณีสาวชาวอังกฤษ วัย 19 ปี อ้างว่าถูกวางยาและข่มขืนที่หาดทรายรี บนเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้มีการจับกุมคนที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ จำนวน 11 ราย และล่าสุดมีการมอบตัวเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 12 ราย ส่วนแอดมินเพจ CSI LA อยู่ระหว่างประสานงานกับต่างประเทศ เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดี ตำรวจไทยก็ประสานกับเอฟบีไอและหน่วยของสหรัฐอเมริกาตลอดอยู่แล้ว เนื่องจากแอดมินคนดังกล่าวมีหมายจับ 2 หมายจับ ต้องนำตัวมาดำเนินคดี เพราะคนเหล่านี้สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติ โพสต์ แชร์ ข้อมูลอันเป็นเท็จเรียกยอดแชร์ ยอดไลค์ สร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด และหากมีการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จสร้างความเสียหายอีก ก็จะถูกดำเนินคดี เป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ

ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมโซเชียลบางกลุ่มมีการวิจารณ์ดำเนินคดีกับแอดมินเพจ CSI LA เพราะ
ก่อนหน้านี้เพจดังกล่าวเคยเปิดเผยข้อมูล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีนาฬิกา 25 เรือน ที่ยืมเพื่อนมา จนเป็นเรื่องโด่งดัง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน และไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง การดำเนินคดีกับเพจจี้เพื่อส่วนรวมปกป้องประเทศ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว หรือความขัดแย้งส่วนตัว
“เรื่องนี้ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยร้องทุกข์ดำเนินคดีกับแอดมินเพจ CSI LA ในเรื่องนี้ แต่อย่างใด เชื่อว่าท่านไม่เอาเรื่องแบบนี้มาให้กังวลใจ ถ้าตัวท่านติดใจเรื่องนี้ก็คงสั่งดำเนินคดีไปแล้ว ทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะท่านก็เป็นบุคคลสาธารณะ เรื่องก็เกิดขึ้นมานานแล้ว” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวและว่า ตนก็ไม่เคยพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรในเรื่องนี้ การที่ตนออกมาดำเนินการเรื่องนี้ก็มีทั้งคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วย ไม่ปิดกั้นที่จะแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ แต่การออกมากล่าวหา ปั้นเรื่องเท็จแบบนี้ทำให้เสียหายก็ต้องดำเนินการ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามได้ประสานผ่านทางกงสุลใหญ่อังกฤษ ประจำประเทศไทย เพื่อขอหลักฐาน อาทิ เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบอสุจิ คำให้การ ฯลฯ มาให้ตำรวจไทย จะได้ทราบข้อเท็จจริง ซึ่งต้องรอสักระยะ ไม่เกินเดือนก็คาดว่าได้หลักฐานที่ขอไป ตอนนี้ในส่วนตำรวจไทยจากพยานหลักฐานที่เราตรวจสอบครบ ยังไม่พบว่ามีการข่มขืน แต่ก็ยังรอหลักฐานจากผู้เสียหายเพื่อมาประกอบยืนยัน และที่ผ่านมาได้เข้าพบกงสุลใหญ่สหรัฐ ก็ชื่นชมการทำงานของตำรวจไทย ว่าดำเนินการรวดเร็ว  อย่างไรก็ตามบ่ายวันนี้ตนเดินทางไปเกาะเต่า และเรื่องนี้จะมีความกระจ่างขึ้นในบ่ายวันนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image