2 ผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม เครือข่ายอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ขณะ “รองโจ๊ก” ยัน 3 ตำรวจถูกให้ออก เอี่ยวชัดเจน ส่วนคดีนี้คาดว่าจะสรุปสำนวนได้ภายใน 30 วัน
เมื่อวันที่ 18 กันยายน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) เดินทางเข้าสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาเครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย กรณีโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจกว่า 200 ล้านบาท และเชื่อมโยงเครือข่ายแชร์ลูกโซ่หลอกลวงประชาชนร่วมลงทุน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท ที่ได้เดินทางเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน หลังถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผู้ต้องหา 2 คนนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ที่พบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้กระทำผิด
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 17 คน บางส่วนถูกออกหมายจับและเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนตำรวจ 3 นาย ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เบื้องต้นพบการกระทำผิดชัดเจน มีเส้นทางการเงินพัวพันกับเครือข่ายนี้ ขณะที่ตำรวจอีก 15 นาย ที่ถูกสั่งย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการรับโอนเงินจากกลุ่มผู้ต้องหา หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทุกนาย หากไม่พบว่ามีส่วนร่วมกระทำผิด จะพิจารณาให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม แต่หากว่ากระทำผิดจริงก็จะดำเนินการทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ในส่วนของการดำเนินคดีกับเครือข่ายดังกล่าว พนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนคดีส่งให้กับอัยการ เพื่อดำเนินการส่งฟ้องศาล โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวถึงกรณีที่มีตำรวจภูธรจังหวัดเลยและครอบครัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือในการติดตามเงินคืน ระบุว่า ขอให้มั่นใจว่าทีมสืบสวนจะเร่งติดตามยึดทรัพย์มาคืนให้โดยเร็วที่สุด ขณะนี้สามารถยึดทรัพย์เครือข่ายได้แล้วกว่า 140 ล้านบาท พร้อมระบุด้วยว่า เห็นใจตำรวจชั้นผู้น้อยที่โดนผู้บังคับบัญชาหลอกให้กู้ยืมเงิน โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนในเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว
