เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ซึ่งจะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน นี้ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจในการทำหน้าที่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ สิ่งสำคัญคือ ได้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีร่วมกันปฎิบัติงาน ไม่ได้ยึดแนวทางการปราบปรามและบำบัดเพียงอย่างเดียว แต่ยังตัดวงจรการเงินซึ่งถือเป็นต้นทางของเครือข่ายยาเสพติด
ผบช.ปส. กล่าวว่า ปฎิบัติการชัยยะสยบไพรี สามารถตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่จำนวน 13 คดี จับกุมผู้ต้องหา 463 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินได้ 1,472 รายการ รวมมูลค่ายาเสพติดและทรัพย์สินกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท โดยจะเห็นว่าจะมีการจับยาเสพติดได้จำนวนมากขึ้นในแต่ละครั้ง ที่อาจทำให้หลายคนมองว่ามีการนำยาเสพติดกลับมาวนซ้ำ ในเรื่องนี้ยืนยันว่ายาเสพติดที่จับได้ในแต่ละคดี จะต้องส่งไปยังคลังยาเสพติด องค์การอาหารและยา (อย.) ภายใน 1 สัปดาห์ และเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็จะนำไปเผาทำลาย ไม่มีใครสามารถเอาออกมาได้
“เรื่องกัญชารักษามะเร็ง ขอให้คนไทยยอมรับได้แล้ว เพราะอยากให้ได้รับการรักษาที่ดี ไม่ใช่ให้ต่างประเทศนำสมุนไพรของไทยนำไปวิจัยและใช้ในการรักษา ขณะที่คนไทยนำไปเผาทิ้งโดยไม่เกิดประโยชน์ เช่นเดียวกับการที่องค์การเภสัชกรรมที่จะขอกัญญาไปวิจัยเพื่อรักษาทางการแพทย์ยังต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบและส่งมอบอย่างเข้มงวด” ผบช.ปส. กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการทำงานของ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ถือว่าการทำงานวันนี้เป็นวันสุดท้าย เนื่องจากจะเกษียณในวันที่ 30 กันยายน นี้
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
