‘ศรีอัมพร’ผู้พิพากษาอาวุโส ยัน ปธ.ศาลฎีกาไม่ต่อรองโอนคดี เเลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี ตาม ‘ชำนาญ รวิวรรณพงษ์’เเจงปมถูกถอดถอน ลั่นกฎหมายไม่ใช่เรื่องต่อรองกันได้
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ซึ่งมารับตำเเหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์วันเเรกได้ให้สัมภาษณ์ถึง ประเด็นเรื่องที่ นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา และ กรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ชั้นฎีกา ส่งเอกสารคำชี้เเจงปมถูกยื่นถอดถอน ออกจากคำเเหน่ง ก.ต.ซึ่งนายชำนาญได้ชี้เเจง รวม 13 หน้า ที่แบ่งเป็น 9 ประเด็น โดยในประเด็นที่ 4 นายชำนาญได้ชี้เเจงทำนองว่าได้ตกลงกับประธานศาลฎีกาว่า หากประธานศาลฎีกาโอนคดีตามที่โจทก์ขอให้โอนคดีจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทราจะไม่ดำเนินคดีกับก.ต.เเละประธานศาลฎีกาจากการผ่านมติ ไม่ผ่านนายชำนาญขึ้นตำเเหน่งรองประธานศาลฎีกาโดยไม่ชอบว่า ข้อความดังกล่าวอาจทำให้ผู้พิพากษาหรือประชาชนเข้าใจผิดในอำนาจของประธานศาลฎีกาความจริงเเล้ว เรื่องการโอนคดีไปศาลอื่นนั้นเป็นอำนาจของประธานศาลฎีกาที่ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ที่หากว่าประธานศาลฎีกาเห็นว่าคดีดังกล่าวอาจจะกระทบต่อความเป็นธรรมที่คู่ความอาจจะร้องว่ามีคู่ขัดเเย้งอันเป็นอุปสรรคต่อการพิจารณาคดี ก็ให้อำนาจประธานศาลฎีกาสามารถกระทำได้
ที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องที่ปฏิบัติตามปกติ ตนเชื่อว่าการโอนคดีดังกล่าว ประธานศาลฎีกาได้ใช้ดุลพินิจในตำเเหน่งเเล้วเห็นว่าการโอนคดีดังกล่าวจะทำให้คู่ความบางฝ่ายที่ไม่สบายใจได้คลายความกังวลลงบ้าง อย่างไรก็ตามคู่ความอย่าได้ตะหนกตกใจเพราะธรรมมะปฏิบัติหรืออุดมคติผู้พิพากษาที่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์นั้นจะมีวัตรปฏิบัติคือการทำงานที่ถูกต้องเป็นธรรมปราศจากอคติ 3อย่าง คือ รัก โกรธ กลัว ซึ่งมีเเนวทางมาตั้งเเต่กฎหมายพระมนูญธรรมศาสตร์จากอินเดีย ซึ่งจะถือเป็นบรรทัดฐานที่ต้องทำ ฉนั้นไม่ว่าคดีจะไปอยู่ที่ศาลใด การตัดสินจะเป็นไปโดยถูกต้องเป็นธรรมเเก่คู่ความทั้งสิ้น ข่าวที่ว่ามีการต่อรองเพื่อโอนคดีนั้นตนไม่เชื่อเเละไม่เป็นความจริงอย่างเเน่นอน ข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องเท็จ ส่วนเรื่องที่นายชำนาญ ชี้เเจงปมที่ถูกถอดถอนว่ามีการต่อรองนั้นไม่ขอออกความเห็นเพราะเป็นคำชี้เเจงนายชำนาญ
เเต่ในเรื่องคดีความเป็นเเบบเเผนนิติวิธีที่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถตกลงต่อรองกันได้ เเละคนระดับประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดเเละเป็นประมุขผู้ใช้อำนาจตุลาการย่อมมีความเพียบพร้อมทั้งคุณวุฒิวัยวุฒิเเละสมบูรณ์ด้วยวุฒิภาวะสูงสุดที่มีอำนาจตามกฎหมาย ก็ไม่ใช่คู่ขัดเเย้งกับคู่ความในคดีดังกล่าวที่จะต้องโอนคดีเพื่อประโยชน์ของใคร เรื่องที่มีข่าวลือในทำนองที่อาจเกิดความเสียหายเเก่สถาบันศาลดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง
“ที่ผ่านมาก็มีหลายคดีที่มีการโอนคดีกัน ไม่ว่าจะเป็นคดีอื่นๆหรือคดีใน3จังหวัดชายเเดนภาคใต้ ซึ่งหากคู่ความเห็นเป็นเรื่องที่มีอุปสรรคต่อการพิจารณาพิพากษาคดีก็สามารถยื่นเรื่องให้เป็นอำนาจของประธานศาลฎีกาสั่งโอน อีกอย่างมติ ก.ต.ไม่สามารถที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกันได้ เรื่องนี้จึงไม่ใช่การเเลกเปลี่ยนอะไรกันเเน่นอน “ นายศรีอัมพร กล่าว
นายศรีอัมพร ระบุต่อว่า หลักการปฏิบัติในเรื่องการโอนคดีนั้นเเม้คดีในศาลจังหวัดฉะเชิงเทราจะมีการพิจารณาสืบพยานคู่ความทั้งสองเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เเต่เมื่อมีการสั่งโอนคดีไปยังศาลเเขวงสมุทรปราการ องค์คณะที่รับสำนวนมาก็จะพิจารณาในสำนวนที่มีการสืบพยานคู่ความที่มีการโอนมาเเละเขียนคำพิพากษาได้เลย เเต่หากมีกรณีจำเป็นที่อาจจะต้องสืบพยานเพิ่ม ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจดำเนินการ ตรงนี้เป็นอำนาจเเละอิสระของผู้พิพากษาที่พิจารณาสำนวน ที่ได้รับโอนมาซึ่งความเป็นอิสระของผู้พิพากษาตรงนี้ก็มีเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ว่าอำนาจในการพิจารณาคดีเป็นอิสระของผู้พิพากษาใครก็ไม่สามารถเเทรกเเซงได้ต่อให้เป็นผู้บริหารระดับสูงในศาลก็เเทรกเเซงไม่ได้ตรงนี้ผู้พิพากษาเราไม่ยอมเราถือมากเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26หากว่าตามลักษณะของความผิด ฐานะของจำเลย จำนวนจำเลย ความรู้สึกของประชาชนส่วนมากแห่งท้องถิ่นนั้น หรือเหตุผลอย่างอื่น อาจมีการขัดขวางต่อการไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา หรือน่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายอย่างอื่นขึ้น หรืออาจเกิดผลกระทบต่อประโยชน์ที่สำคัญอื่นของรัฐ เมื่อโจทก์หรือจำเลยร้องขอหรือศาลที่คดีนั้นอยู่ระหว่างพิจารณาทำความเห็นเสนอต่อประธานศาลฎีกาขอให้โอนคดีไปศาลอื่น ถ้าประธานศาลฎีกาเห็นควรอนุญาต ก็ให้สั่งโอนคดีไปยังศาลดังที่ประธานศาลฎีการะบุไว้คำสั่งของประธานศาลฎีกาให้เป็นที่สุด
