กรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เทียน เหล่ย นักท่องเที่ยวสาวชาวจีน ที่ถูกพบกลายเป็นศพที่น้ำตกโตนงาช้าง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะถูกฆาตกรรมอำพราง และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ต้องสงสัยซึ่งเบื้องต้นมีอย่างน้อย 2 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 2 กันยายน พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิสมัย หัวหน้าชุดศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าชุดควบคุมคดี พร้อมชุดสืบสวนของตำรวจท่องเที่ยวหาดใหญ่ นำตัวนายไห้ หลง จ่าว หนึ่งในผู้ต้องสงสัยออกจากศูนย์กักคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา มาดูศพของ น.ส.เทียน เหล่ย ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อยืนยันอีกครั้งว่ารู้จักกับผู้ตายหรือไม่ แต่นายไห้ยังคงยืนยันว่าไม่รู้จักแต่อย่างใด และมีท่าทีเรียบเฉยเหมือนเดิม
จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวไปชี้จุดยังโรงแรมที่พักย่านซีกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่เดินทางเข้ามาพักในช่วงเกิดเหตุกับเพื่อนชายชาวจีนอีกคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยและเดินทางกลับประเทศจีนไปแล้ว แต่ไม่ได้นำตัวลงจากรถตู้แต่อย่างใด ซึ่งการนำตัวนายไห้ออกมาดูศพและชี้จุดต่างๆ ทางชุดสืบสวนเผยว่า เพื่อดูว่าตรงหรือขัดแย้งกับผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่หรือไม่ และพบพิรุธในจุดใดบ้าง
พ.ต.ท.เขมรินทร์เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้ เนื่องจากคำให้การบางประเด็นยังไม่ชัดเจน และยังเป็นข้อสงสัยอยู่ ส่วนปมความขัดแย้งที่ญาติเชื่อว่าจะถูกฆาตกรรมจากคำให้การของอาผู้ตาย ซึ่งพ่อแม่ให้เป็นตัวแทนมาดูศพและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ พบว่าผู้ตายได้ขายอพาร์ตเมนต์ที่ประเทศจีนและระดมเงินจากญาติราว 2 ล้านหยวน ประมาณ 10 ล้านบาท และบอกว่าจะนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจที่ประเทศมาเลเซีย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาบอกว่าถูกโกง
ญาติจึงเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ถูกฆาตกรรม และญาติไม่รู้จักกับผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน และแทบจะไม่รู้เรื่องราวส่วนตัวของผู้ตาย เนื่องจากออกมาใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังคนเดียว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะประสานข้อมูลจากทางการจีนมาประกอบการสวบสวน เพราะไทยเป็นแค่พื้นที่เกิดเหตุ
