เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในคดีคอลเซ็นเตอร์ครั้งที่ 22 จำนวน 3 ราย และคดีแสร้งรักออนไลน์ ครั้งที่ 5 จำนวน 2 ราย รวมเป็นเงินกว่า 664,000 บาท ทั้งนี้ผลการอายัดเงินผู้เสียหายที่ถูกหลอกคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน สามารถคืนเงินให้ผู้เสียหายรวมทั้งสิ้น 122 ราย รวมเป็นเงินกว่า 25 ล้านบาท ส่วนคดีโรแมนซ์สแกมสามารถอายัดเงินคืนให้กับผู้เสียหายได้จำนวน 11 ราย รวมเป็นกว่า 2 ล้านบาท
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขอศาลอนุมัติหมายจับกว่า 600 หมายจับ และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการไปแล้วกว่า 450 สำนวน ทยอยจับกุมผู้ต้องหาไปแล้วหลายราย ส่วนคดีโรแมนซ์สแกมขณะนี้มีประมาณ 30 คดี ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการไปแล้ว 10 คดี และมีการจับกุมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับคนไทยที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นคนรับเปิดบัญชี ม้าเร็ววิ่งกดเงิน จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ที่ผ่านมามีการบูรณาการทำงานร่วมกันกับธนาคาร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดทรัพย์เฉลี่ยคืนให้ผู้เสียหาย
ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ รองโฆษก ปปง.กล่าวว่า การจับกุมผู้กระทำความผิดทั้ง 2 เรื่อง ตำรวจและเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีมิจฉาชีพที่ยังคงหลบหนีอยู่และหลบเลี่ยงการติดตามของเจ้าหน้าที่ จึงฝากเตือนประชาชนอย่างหลงเชื่อเพื่อป้องกันมิจฉาชีพใช้บัญชีของประชาชนเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด
