ตร.ค้านประกันตัว ‘ท็อป’ หื่น! ลวงสาว 19 ปี เจ้าตัวปฏิเสธให้การชั้นศาล

จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ลูกสาวเซียนพระเครื่องชื่อดัง เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าถูกชายชื่อ “ท็อป” ที่รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊กล่อลวงไปดื่มกินที่สถานบันเทิงจนเกิดอาการมึนเมา จากนั้นพาขึ้นรถเก๋งไปข่มขืนที่บ้านพักแล้วยังกักขังชิงทรัพย์ บังคับพาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม แต่ระหว่างนั้น น.ส.เอ วิ่งหลบหนีมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านให้ช่วยพาแจ้งตำรวจ ส่วนนายท็อปหลบหนีไปได้

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ตุลาคม ที่ สน.ตลิ่งชัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน ได้สอบปากคำนายศาสฑฎา หรือ ‘ท็อป’ บัวทอง อายุ 29 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาที่ จ.501/61 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2561 ในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ในคดีล่อลวงหญิงวัย 19 ปี มาข่มขืน พร้อมกับลักทรัพย์ สอบปากคำพร้อมกับมารดา (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล) มายืนยันความ บริสุทธิ์ของลูกชาย โดยใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะคุมตัวไปส่งที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน

ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.น.7 ฝ่ายสืบสวน สน.ตลิ่งชัน และชุดสืบสวน บก.ภ.จว.เพชรบุรี ร่วมกันจับกุมตัว นายศาสฑฎา ได้ที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งทางชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมจากกล้องวงจรปิด พบเบาะแสว่านายศาสฑฎาหนีไปกบดานในพื้นที่บ้านญาติ จ.เพชรบุรี ซึ่งนายศาสฑฎามีพฤติการณ์หลบหนี แต่หนีไม่รอด จึงกลับลำเข้ามอบตัวกับชุดจับกุมแทน จึงสามารถจับกุมได้ เมื่อคืนที่ผ่านมา

พฤติการณ์ของนายศาสฑฎา คือจะเปิดเฟซบุ๊ก ตั้งโปรไฟล์ปลอม แอบอ้างเป็นตำรวจ และทักแชตไปหาสาวสวย และพูดคุยกัน จากนั้นก็จะชวนไปเที่ยว ซึ่ง น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ตกเป็นเหยื่อ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายศาสฑฎาได้แชตชักชวนผู้เสียหายไปเที่ยว ก่อนขับรถไปรับผู้เสียหายพาไปผับย่านตลิ่งชัน กระทั่งเวลา 00.30 น. วันที่ 6 ต.ค. นายศาสฑฎาพาผู้เสียหายไปที่บ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านมหาดไทย 2 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. เป็นบ้าน 2 ชั้น ก่อนให้ผู้เสียหายเข้าไปในบ้าน แล้วล็อกกุญแจประตูขังไว้

Advertisement

กระทั่งเวลา 02.00 น. นายศาสฑฎาย้อนกลับมาที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นพาผู้เสียหายไปขืนใจภายในห้องนอน ก่อนใช้กำลังบังคับตบตีชิงกระเป๋าสะพาย โทรศัพท์มือถือ และแหวนของผู้เสียหาย จากนั้นเวลา 16.30 น. วันเดียวกัน ได้พาผู้เสียหายไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มบริเวณห้างโลตัสเอ็กซ์เพรส สาขาอุดมทรัพย์ แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. ได้เงินไป 500 บาท แล้วทิ้งผู้เสียหายไว้ ก่อนขับรถหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงนำเรื่องไปปรึกษาผู้ปกครองจนเข้าแจ้งความดังกล่าว

โดย นายศาสฑฎา ญาติได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความจำนงในการขอยื่นการประกันตัว โดยทางญาติได้นำหลักทรัพย์สำหรับขอประกันตัวนายศาสฑฎา เป็นวงเงินจำนวน 3 แสนบาท เพราะทางญาติมองว่านายศาสฑฎาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี อีกทั้งการจับกุมครั้งนี้ก็เป็นการมอบตัวต่อตำรวจที่จังหวัดเพชรบุรีเอง แต่ทางด้านพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยนายนายศาสฑฎาให้การปฏิเสธและขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ทำการสอบปากคำนายศาสฑฎา และมารดานั้น มีหญิงที่อ้างเป็นญาติ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า นายศาสฑฎา และผู้เสียหาย พูดคุยกันเพียง 1 วัน เท่านั้น โดยนายศาสฑฎาไม่ได้มีการข่มขื่น แต่เป็นการสมยอมทั้ง 2 ฝ่าย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image