“บิ๊กป้อม” สั่ง น.1 หย่าศึก 2 สถาบันช่าง ครอบครัวน.ศ.อุเทนฯ อยู่อย่างหวาดกลัว 2 แก๊งฆ่ายังลอยนวล!!

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เปิดเผยความคืบหน้าการติดตัวผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธปืนยิงนายกมลวิช สุวรรณทัต อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สถาบันเทคโนโลยีฯอุเทนถวาย เสียชีวิตว่า อยู่ในระหว่างสืบสวนติดตามตัว ผู้ที่เกี่ยวข้องที่เหลืออยู่อีก 2 คน เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนเส้นทางการหลบหนีอยู่ในระหว่างการสืบสวนดำเนินการอยู่ มั่นใจว่าไม่หลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งไม่ได้วางกรอบเวลาให้กับทีมทำงาน ขอให้ทำงานสืบสวนติดตามอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการเข้าไปพูดคุยกับสถาบันการศึกษา อยู่ระหว่างให้ทีมงานสืบสวนและปราบปราม ประชุมกัน และได้รับคำสั่งจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลความมั่นคง คงต้องเรียกทั้งสองสถาบันฯ ครูบาอาจารย์มาหารือ แต่ก็ต้องดูมาตรการและขั้นตอนต่างๆเพื่อให้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นให้ยุติไป 100 เปอร์เซ็นต์ นั้นคงยากแต่จะทำให้มันเบาบางลงไป ไม่ให้เกิดผลเสียโดยเฉพาะพ่อแม่ส่งลูกเรียนหนังสือแต่กลับมาถูกยิงตายจึงต้องมีการหารือกัน

วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายนฤดม สุวรรณทัต ครอบครัวนายกมลวิช เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและติดตามความคืบหน้าคดีต่อ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ โดยมี พ.ต.อ.สนธยา บัวแพง ผกก.ฝอ.6 บก.อก.บช.น. เป็นผู้รับเรื่องไว้

นายนฤดม กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน การทำงานของตำรวจนั้นไม่มีการรายงานความคืบหน้าให้กับทางครอบครัวทราบเลยว่าขั้นตอนการดำเนินการไปถึงไหนแล้ว พยานหลักฐานที่รวบรวมนั้นเพียงพอกับการพิสูจน์ความความผิดของจำเลยหรือไม่อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธอยู่ อีกทั้งยังกังวลว่ายังจับกุมคนร้ายอีก 2 รายไม่ได้และกลัวว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่ถูกจับก่อนหน้านี้จะได้รับการประกันตัวอีกทั้งคดีเป็นคดีสะเทือนขวัญ และสังคมให้ความสนใจติดตาม ในฐานะผู้มีอำนาจจัดการแทนและเป็นบิดาของผู้ตาย จึงขอให้พล.ต.ท.สุทธิพงษ ดำเนินการตรวจสอบใน 3 ประเด็นสำคัญ

“1.ขอสอบถามความคืบหน้าของคดี และขอให้รายงานความคืบหน้าแก่ครอบครัวผู้เสียหายเป็นระยะ 2.ขอให้ตั้งคณะทำงานสอบสวนจากตำรวจนครบาลเพื่อตรวจสอบสำนวนคดีให้เป็นไปอย่างรัดกุมปราศจากการแทรกแซง หรือวิ่งเต้นล้มคดี และ 3.ขอให้เร่งรัดคดีและตามจับกุมตัวผู้ต้องตามหมายจับเพื่อดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายต่อไป” นายนฤดม กล่าวและว่า สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันรู้สึกหวาดระแวงคนที่ใส่หมวกกันน็อก ทำให้ต้องระมัดระวังตัวมากกขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งเราทำอาชีพค้าขายต้องมองให้ทั่วมากขึ้น แม้ที่ผ่านมาจะมีตำรวจในพื้นที่แวะเวียนมาดูแลความปลอดภัย แต่เราก็ไม่รู้ว่าเหตุจะเกิดขึ้นได้เมื่อใด
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image