อัยการสั่งยุติสอบสวนสลายชุมนุมปี53 ตายหน้าศธ.เเละที่อื่นร่วม 20ศพ ตามดีเอสไอชง

เผยอัยการสั่งยุติสอบสวนสลายชุมนุมปี’53 ตายหน้า ศธ.เเละที่อื่นร่วม 20 ศพตามดีเอสไอชง ชี้เชื่อเพราะชุลมุนวุ่นวาย เเฉสำนวน 6 ศพวัดปทุมฯมีการขอให้เป็นสำนวนมุมดำ แต่อัยการไม่ยอม ชี้คำสั่งศาลระบุชัดทหารหน่วยไหน วิญญัติ พาแม่น้องเกด บุกดีเอสไอ ถามคดี 6 ศพ 12 ธ.ค.

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เผยถึงกรณีที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ(สกสส.) และทีมทนายญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 6 ศพวัดปทุมวราราม ในการสลายชุมนุมปี’53 ออกมายืนยันว่าทางดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ศาลมีคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพไปยังอัยการสำนักงานคดีพิเศษแล้วหลายคดี ซึ่งรวมถึงสำนวนการวิสามัญฯที่ 6 ศพ วัดปทุมฯด้วย ว่า

ก่อนหน้านี้สำนวนคดีที่ศาลมีคำสั่งไต่สวนชันสูตร 6 ศพวัดปทุมฯ แล้วได้เคยถูกส่งมาเป็นสำนวนประกอบท้ายสำนวนในคดีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ในความผิดฐานร่วมกันก่อ หรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่การส่งมาในขณะนั้นเป็นเพียงสำนวนประกอบเพื่อเอาผิดนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ซึ่งเป็นสำนวนหลัก โดยขณะนั้นทางดีเอสไอแจ้งกับทางอัยการว่ายังไม่สามารถหาตัวผู้ยิงได้ว่าเป็นใคร แต่ส่งมาเพื่อประกอบสำนวนของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ อัยการก็เลยยื่นฟ้องไปโดยแนบคำสั่งศาลคดี 6 ศพวัดปทุมฯและสำนวนไต่สวนการตายอื่นๆ ไปท้ายฟ้อง โดยที่ยังไม่ได้พูดในเนื้อหาว่าคดีที่ศาลมีคำสั่งไต่สวนการตายมาแล้วว่าใครเป็นผู้กระทำ เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ทำสำนวนมา เป็นเพียงแต่การแนบสำนวนไปให้ศาลเห็นว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นผู้สั่งการและใช้ให้มีการกระทำเกิดขึ้น แต่ต่อมาภายหลังศาลฎีกามีคำสั่งยกฟ้องเนื่องจากเห็นว่าเป็นอำนาจ ป.ป.ช.

ในส่วนของสำนวน 6 ศพวัดปทุมฯภายหลังที่ศาลมีคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพแล้วมีคำสั่งว่าการตายเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหาร ศาลก็คืนสำนวนมาให้อัยการเพื่อให้อัยการส่งต่อไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 ทางอัยการยืนยันว่าทางดีเอสไอยังไม่มีการส่งสำนวนระบุว่าใครเป็นผู้กระทำผิดส่งมายังอัยการสำนักงานคดีพิเศษแต่อย่างใด

Advertisement

ส่วนสำนวนไต่สวนศพรายอื่นๆ ประมาณ 20 กว่าศพ นั้นทางดีเอสไอได้มีการส่งสำนวนมายังพนักงานอัยการคดีพิเศษแล้วจริง และสำนวนที่ส่งมาทางดีเอสไอมีความเห็นว่าไม่สามารถระบุหรือหาตัวผู้กระทำความผิดได้ จริงเห็นควรส่งให้อัยการมีคำสั่งงดสอบสวนตามความเห็นของดีเอสไอ ซึ่งทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนที่ศาลมีคำสั่งไต่สวนการตาย 20 กว่าศพนั้นแล้ว พบว่าในเหตุการณ์ที่มีคนตายมีความชุลมุนวุ่นวายในพื้นที่บริเวณหน้ากระทรวงการศึกษาธิการ(ศธ.) มีการใช้แก๊สน้ำตา พอคนสลายไปก็พบศพนอนตาย ทางอัยการก็เลยเชื่อและสั่งให้ยุติการสอบสวนเป็นสำนวนมุมดำ

เมื่อถามว่า สำนวน 6 ศพ วัดปทุมฯ เคยมีการขอให้มีการทำสำนวนมุมดำหรือไม่ แหล่งข่าวระบุว่า เมื่อถามจริงๆ ว่าสำนวนมายังอัยการหรือไม่ พบว่ามีสำนวนมาจริง แต่ทางอัยการไม่สามารถสั่งสำนวน 6 ศพให้เป็นสำนวนที่ไม่มีตัวผู้กระทำผิดให้ไม่ได้ จึงให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอไปทำมาใหม่ เพราะมันยังมีช่องทางที่จะสามารถสืบได้ว่าผู้กระทำเป็นใคร เพราะในคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพของศาลมีการระบุชัดเจนว่ากระสุนมาจากเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองพันไหน ประจำจุดที่ไหน การที่จะบอกไม่รู้เป็นไปไม่ได้ เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนต้องไปสืบมาว่าเป็นใคร ยศอะไร ใช้อาวุธอะไร ให้สิ้นกระแสความ จะมาจบง่ายๆ ตรงนี้ทำไม่ได้ สำนวนเคยมายังอัยการอย่างไม่เป็นทางการ แต่ถ้ามาอย่างเป็นทางการยังไม่มี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2556 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555 ว่าการตายของนายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้ตายที่ 1 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ตายที่ 2 นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้ตายที่ 3 นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน ผู้ตายที่ 4 น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี อาชีพพยาบาลอาสา ผู้ตายที่ 5 และนายอัครเดช ขันแก้ว อายุ 22 ปี อาชีพรับจ้าง ผู้ตายที่ 6 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553

Advertisement

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องและญาติผู้ตายทั้ง 6 อันประกอบด้วยประจักษ์พยาน พยานแวดล้อมกรณี และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า

ผู้ตายที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 มม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ ที่ประจำการอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส

และผู้ตายที่ 2 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 มม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่ประจำการอยู่บนถนนพระรามที่ 1

จึงมีคำสั่งว่า ผู้ตายที่ 1 คือนายสุวัน ศรีรักษา ผู้ตายที่ 2 คือนายอัฐชัย ชุมจันทร์ ผู้ตายที่ 3 คือนายมงคล เข็มทอง ผู้ตายที่ 4 คือนายรพ สุขสถิต ผู้ตายที่ 5 คือน.ส.กมนเกด อัคฮาด ผู้ตายที่ 6 คือนายอัครเดช ขันแก้ว ถึงแก่ความตายในวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 เวลากลางวัน

เหตุและพฤติการณ์ที่ตาย สืบเนื่องมาจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .223 หรือ 5.56 มม. ซึ่งวิถีกระสุนปืนยิงมาจากเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และบริเวณถนนพระรามที่ 1 ซึ่งเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.
เป็นเหตุให้ผู้ตายที่ 1 มีบาดแผลกระสุนปืนทะลุปอดและหัวใจ เสียโลหิตปริมาณมาก ผู้ตายที่ 2 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด ผู้ตายที่ 3 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด หัวใจ ตับ ผู้ตายที่ 4 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด ตับ ผู้ตายที่ 5 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง ผู้ตายที่ 6 มีบาดแผลกระสุนปืนทะลุเข้าในช่องปาก โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ

โดยในวันอ่านคำสั่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการอ่านคำสั่ง ศาลกล่าวสรุปประเด็นให้ผู้ที่เข้าร่วมฟังด้วยว่า 1.เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานทหาร 2.ผู้ตายทั้ง 6 ไม่มีคราบเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองข้าง แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนมาก่อน 3.การตรวจยึดอาวุธในวัดปทุมวนาราม ไม่น่าเชื่อว่ามีการตรวจยึดจริง และ 4.กรณีชายชุดดำ ไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยศาลมีคำสั่งให้นำคำสั่งนี้ส่งต่อให้พนักงานอัยการเพื่อดำเนินการต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150

ด้านนายวิญญัติเปิดเผยว่า ในวันที่ 12 ธันวาคม เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปพร้อมกับนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดานางกมนเกด อัคฮาด ผู้ที่เสียชีวิตหนึ่งในหกศพในวัดปทุมวนาราม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อไปสอบถามถึงความคืบหน้าคดี 6 ศพ ว่าในฐานะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อรับสำนวนการไต่สวนการตาย สำนวนชันสูตรพลิกศพมาแล้วได้ดำเนินการสอบสวนเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรมไปแล้วอยู่ในขั้นตอนใด และนำผู้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คนมาแจ้งข้อหาและสอบปากคำแล้วหรือไม่ เพราะจากพยานหลักฐานในสำนวนไต่สวนการตายปรากฏตัวเจ้าพนักงานผู้มีส่วนในการกระทำให้เกิดความตายทั้ง 6 รายอย่างชัดเจน ซึ่งตามกระบวนการสำนวนนี้น่าจะมาจาก ป.ป.ช.แล้ว หน่วยงานที่รับไม้ต่อคือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สรุปสำนวนสั่งฟ้องคดีหรือไม่อย่างไร ต้องมีคำตอบในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและลดความสับสนต่อคดีการตายและบาดเจ็บจำนวนมาก ผมจะไปติดตามคดีนี้ก่อนเป็นการบุกเบิกเส้นทางทวงคืนความยุติธรรมทุกกรณีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image