กองปราบเต้น!พบขบวนการสวมซากรถยนต์ ออกหมายเรียก 6 ขยายผลอีก 20 ตะลึง!แก๊งใหญ่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 มกราคม ที่กองบังคับการปรามปราบ (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พร้อม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.รัชภูมิ กุสุมาลย์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผกก.3 บก.ป.ร่วมกันแถลงผลขบวนการสวมซากรถยนต์ พร้อมของกลาง รถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 30 คัน ซากรถยนต์ 4 คัน เครื่องยนต์ 18 เครื่อง ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ 291 ชิ้น ที่ตรวจยึดที่จังหวัดกาฬสินธุ์

พล.ต.ต.จิรภพกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากทางนายประเสริฐ ฤทธิ์หวี ผู้เสียหายที่รถถูกโจรกรรม ว่า รถยนต์ของตน ยี่ห้อ “ฟอร์ด” รุ่นแรงเยอร์ สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียน 5878 ร้อยเอ็ด ถูกโจรกรรมและนำไปสวมซาก โดยได้เข้าแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.พระประแดง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการขยายผลและสามารถทลายขบวนการแก๊งสวมซากรถยนต์ได้ในที่สุด

พ.ต.ท.วิวัฒน์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 20 กันยายน 2561 นายประเสริฐได้พบเห็นรถยนต์ยี่ห้อเดียวกับของตนและเชื่อว่าเป็นรถยนต์ของตนจอดอยู่ที่บริเวณกลางซอยรัชดา 36 แยก 9-1 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อเข้าไปสอบถามพบว่าผู้ครอบครองรถยนต์คือ นายหาญ พันธ์พรม ซึ่งนายหาญก็ได้แสดงหลักฐานกรรมสิทธิ์ถูกต้องตรงตามกับตัวรถบนต์คันดังกล่าว และก็ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน ได้เกิดข้อถกเถียงกันอย่างรุนแรง จากนั้นทางชุด ศปจร.ก.จึงได้เข้าตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวพบว่าภายในรถมีใบเสร็จส่งงวดรถของนายประเสริฐยังอยู่ในช่องเก็บของด้านหน้ารถ พร้อมทั้งนายประเสริฐยังมีกุญแจสำรองเปิดรถยนต์ ซึ่งเป็นเหตุในเชื่อว่ารถคันดังกล่าวเป็นของนายประเสริฐ

พ.ต.ท.วิวัฒน์กล่าวต่อว่า ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบขยายผลพบขบวนการดังกล่าวมีการทำเป็นขบวนการใหญ่โดยจะแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือขบวนการหาซากรถยนต์ โดยหาจากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุและไม่ได้มีการไปแจ้งกรมขนส่งให้มีการหยุดการใช้รถ ขบวนการหารถที่ถูกโจรกรรม หนีไฟแนนซ์ และหนีภาษี ขบวนการสวมซากรถยนต์ และขบวนนำเข้าสู่ตลาดในการขายส่ง ซึ่งขบวนการดังกล่าวก็จะทำการซื้อรถหรือซากรถยนต์มาในราคาเพียง 100,000-200,000 บาท และนำมาประกอบใหม่โดยไม่มีการจดทะเบียนที่ถูกต้องในราคา 500,000-600,000 บาท โดยใน 1 เดือนสามารถประกอบได้ 5-6 คัน ได้เงินทั้งสิ้น 1,000,000 บาท อย่างไรก็ตามขณะนี้ออกหมายเรียกนายทรงพล (สงวนนามสกุล) พวกพร้อมอีก 6 ราย และอยู่ระหว่างขยายผลอีก 20 ราย ซึ่งมีความเชื่อมโยงทางการเงิน

Advertisement

พ.ต.ท.วิวัฒน์กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสองอยากให้สืบประวัติให้ดีก่อน และไม่ควรซื้อด้วยเงินสด ควรจะซื้อผ่านไฟแนนซ์ นอกจากนี้หากมีการโอนเล่มทะเบียนก็ควรไปโอนด้วยตนเองเพื่อให้ตรวจสอบว่ารถยนต์นั้นๆ ได้เป็นรถที่ถูกต้องหรือไม่

นายประเสริฐเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 พี่ชายของตนได้ยืมรถไปใช้ ต่อมาเดือนมีนาคม 2561 ได้มาตามรถคืนแต่ไม่พบ ทราบเพียงว่าพี่ชายนำรถยนต์ไปจำนองและได้หลุดจำนองไปแล้ว กระทั่งวันที่ 20 กันยายน 2561 ได้พบรถของตนจอดอยู่ในพื้นที่ สน.พหลโยธิน จึงได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวมีเอกสารครบ แต่ยังยืนยันว่ารถเป็นของตนจึงได้เดินทางความร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กระทั่งสามารถจับตัวการใหญ่ที่นำสวมซากและนำมาขายต่ออีกครั้ง

นายประเสริฐกล่าวว่า อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่ารถคันดังกล่าวเป็นของตน เนื่องจากว่าตนเป็นคนแต่งรถเองทั้งหมด ไฟด้านหน้ารถ และไฟตัดหมอกเป็นคนเปลี่ยน และไฟด้านในเปลี่ยนใส่เป็นไฟ LED ทั้งหมด นอกจากนี้กระจกด้านหน้าและด้านหลังจะติดสติกเกอร์ตำรวจไว้อีกด้วย ตนอยากฝากเตือนไปยังประชาชน การซื้อรถยนต์มือสองสมัยนี้มีการตรวจสอบค่อนข้างยากเพราะหากตรวจสอบไม่ละเอียดก็จะพบว่าเอกสารทั้งหมดตรงกับรถยนต์ทั้งสิ้น อยากให้ใช้ความรอบคอบในการซื้ออย่างละเอียด

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image